ไปชิม Sushi อร่อยๆ ที่ Roppongi


































============================
Restuarant Name: Fukuzushi
Location: Roppongi, Tokyo
Price: 10,000-15,000 Yen/Person
============================

พาไปชิมเนื้อ Wagyu A5 ที่ Mon Cher Ton Ton

แรกสุดเลยไม่ได้ตั้งใจจะไปทานร้านนี้ แต่เพราะหาร้านที่จะไปไม่เจอก็เลยมาลงเอยที่นี่ จริงๆ แล้วในบริเวณ Seryna Village มีร้านอาหารหลายๆ แบบอยู่รวมกัน แล้วแต่ว่าชอบแบบไหน ที่นี่มักจะเป็นที่ที่นักธุรกิจใช้เป็นสถานที่คุยธุรกิจหรือไว้รับรองแขก เพราะร้านตกแต่งได้หรูหรา บริการเยี่ยม มีห้องส่วนตัวไว้รับรองด้วย บริเวณที่เรานั่งก็เป็นห้องส่วนตัว ไม่ได้นั่งปนกับแขกคนอื่น Chef ที่นี่ก็ดูมีประสบการณ์สูง (สังเกตุจากอายุ)



















วันนี้เราสั่งเป็น set lobster กับ wagyu steak ซึ่งวัตถุดิบทุกอย่างสดมากๆ คือ lobster มันยังเป็นๆ อยู่ตอนที่เค้านำมาปรุง จริงๆ ก็สงสารเหมือนกันแต่ก็เป็นเรื่องปกติของร้านที่ใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด  แรกสุด chef เค้าก็จะ grill กระเทียมทีละกลีบจนออกเป็นสี golden brown ใช้เวลานานพอสมควรทีเดียว  สิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งของการทานอาหารญี่ปุ่นคือ ศิลปะในการปรุงอาหาร ทำให้เรารู้สึกถึงความละเอียดอ่อนที่แทรกอยู่ในอาหารแต่ละจาน แค่นั่งมองก็เพลินแล้ว





































สำหรับ appetizer ก็จะมีพวกสลัด และผักที่อยู่ในฤดูกาล ซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้วว่าภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าอะไร รสออกขมนิดๆ





































สำหรับเนื้อ lobster ต้องขอชมว่า ปรุงได้ perfect มาก เพราะสุกกำลังดี แถมซอสที่ราดมาด้านบน ก็รสละมุนมาก ลงตัวดีจริงๆ กับเนื้อ lobster เป็นการปรุงที่ถือว่าไม่ธรรมดาเลย



































สำหรับเนื้อวันนี้ chef เค้าก็จะนำมาให้ดูก่อนว่าเราพอใจหรือไม่ ก่อนที่จะนำไปปรุง ลายเนื้อสวย ดูดี มีมันแทรกอยู่ทุกอนู อย่างงี้ถึงจะเรียก Marble แต่เนื้อที่เคยทานที่ Kobe ถึงแม้ว่าลายจะไม่สวยเหมือนที่ร้านนี้ แต่ก็นุ่มใช้ได้




















สำหรับซอสจะมี 3 แบบ แล้วแต่คนชอบ บางคนชอบที่จะจิ้มเกลือเล็กน้อย จะได้สัมผัสรสชาติของเนื้อเต็มๆ สำหรับซอสตรงกลางจะเป็นหอมสับ ปรุงรสกับซอสอร่อยดี  จริงๆ แล้วก็อร่อยทั้ง 3 แบบนั่นแหละ



















ด้านล่างคือซุปหัวกุ้ง lobster ที่อร่อยสุดยอดจริงๆ เพราะมันหอมและเข้มข้น



















Chef ที่นี่เค้าต้อง entertain ลูกค้าด้วย แต่ไม่ใช่มา show แบบที่เราเห็นตามร้านญี่ปุ่นบางร้าน แต่ที่ร้านนี้จะเป็นการพูดคุยกับลูกค้าซะมากกว่า























นี่คือหน้าตาของเนื้อที่ปรุงเสร็จแล้ว ดูดีน่าทาน แทบไม่ต้องเคี้ยวเลยพอเอาเข้าปาก เพราะมันนุ่มมากๆ นึกแล้วก็อยากกลับไปทานซะเดี๋ยวนี้ ถ้าอยู่ไม่ไกลก็ดี




































โดยรวม ร้านนี้เป็นอีกร้านที่คนรักเนื้อ ไม่น่าพลาดอย่างยิ่ง แต่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับร้านทั่วๆ ไป



===============================
Restaurant Name: Mon Cher Ton Ton
Location: Roppongi, Tokyo
Price: 20,000-25,000 Yen/Person
===============================

Blue Fin Fusion Japanese Restaurant in Bali

เราแวะไปทานอาหารมื้อเที่ยงมื้อแรกของทริปนี้ที่ร้าน Bluefin ซึ่งอยู่บริเวณ Kuta Beach  ร้านนี้หาไม่ยากเพราะอยู่ติดถนนเลยแต่น่าจะหาที่จอดยากอยู่เหมือนกัน  โชคดีที่คนขับรถของเราไปส่งเราที่หน้าร้านเลย ช่วงที่ไปไม่ค่อยมีลูกค้าซักเท่าไหร่  อาจจะเพราะเราไปถึงเลยช่วงอาหารเที่ยงไปแล้ว  ร้านตกแต่งได้สวยดี พนักงานก็บริการดีมาก



















จากที่ดูราคาในเมนู ถือว่าราคา sushi ที่นี่ราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับราคาที่เมืองไทย แต่น่าเสียดายที่ไม่มี otoro และกุ้งมังกรดิบให้ลองทาน หลายๆ คนอาจจะแปลกใจว่ามาเที่ยวบาหลี ทำไมไม่ทานอาหารพื้นเมือง ส่วนตัวแล้วพวกเราลงความเห็นว่าอาหารชาติอื่นๆ ที่ทานที่บาหลี อร่อยกว่ารสชาติอาหารพื้นเมืองแท้ๆ จากที่ได้ลองทานดูแล้ว  ซึ่งก็เป็นความชอบส่วนบุคคลจริงๆ  บางคนอาจชอบอาหารแบบบาหลีแท้ๆ ก็ได้ สำหรับเราลองทาน 2-3 มื้อก็คิดว่าขอกลับไปทานพวก Italian หรือ Japanese น่าจะถูกใจกว่า


















อีกอย่าง sushi ที่นี่ถือว่าสด คุณภาพใช้ได้ทีเดียว  สำหรับเมนูด้านล่าง Aburi Chutoro (42000 Rupia)  เป็นเนื้อปลาทูน่าส่วนท้องที่มีเนื้อแดงแทรก แม้จะไม่มันเท่า Otoro แต่ก็ถือว่านุ่ม อร่อยไม่แพ้กัน แถมได้กลิ่นหอมๆ ของการย่างไฟอ่อนๆ ด้วย  




















เนื่องจากวันนี้ไม่มี Otoro เราก็เลยสั่งกันแต่ Chutoro มาทาน ถ้าเป็น Otoro Sushi จะอยู่ที่ 39,000 Rupia




















สำหรับอาหารอย่างอื่น นอกเหนือจาก sushi และ sashimi  เช่น เกี๊ยวซ่าและเทมปุระ ราคาจะใกล้เคียงกับเมืองไทย ไม่ได้ถูกกว่ากันซักเท่าไหร่  เกี๊ยวซ่าจานนี้ราคาอยู่ที่ 30,500 Rupia ส่วน Mixed Tempura อยู่ที่ 72,000 Rupia



















ที่เราติดใจสำหรับเทมปุระของที่ร้านนี้คือ Tempura Sauce ที่เค้าจะมีไฟจุดด้านล่างถ้วยซอส  ซึ่งจะทำให้ซอสร้อนอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถทานเทมปุระที่ยังร้อนๆ อยู่ตลอดเวลาถึงแม้ว่าจะตั้งทิ้งไว้นานแล้ว แถมแป้งก็กรอบใช้ได้ทีเดียว แม้ว่าแป้งจะไม่ light เท่าร้านดังๆ ที่ญี่ปุ่น





































ด้านล่างเป็นข้าวผัดกระเทียม bali style (25,000 Rupia)  อร่อยดีค่ะ มีเครื่องมาเยอะแยะกว่าข้าวผัดกระเทียมทั่วๆ ไป  สั่งแค่จานเดียวก็สามารถทานได้ถึง 2 คน จานใหญ่มากๆ





































เมนูด้านล่างชื่อ Crab Meat Gunkan (45,000 Rupia) รสชาติใช้ได้ แต่ไม่ได้ถึงกับต้องสั่งซ้ำ




















ปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Chutoro Sahimi (85,000 Rupia)  เนื้อปลานุ่มละลายในปาก ถือว่าเป็นร้านที่น่าจะกลับมาทานอีกครั้ง ถ้าแวะมาเที่ยวบาหลีในรอบหน้า



















สำหรับข้อมูลคนขับรถที่บาหลี อยากแนะนำ Mr. Garuwan ขับรถดีมากๆ แถมยังพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมากๆ แบบไม่ต้องจ้าง guide เลย เพราะเค้าสามารถแนะนำข้อมูลประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไปได้อย่างดี



=================================
Restaurant Name: Blue Fin
Location: Kuta Beach, Bali
Price (We paid): 497,274 Rupia (For Two)
=================================