ไปทาน abalone & premium beef buffet at Shanghai

ไปเซี่ยงไฮ้รอบนี้ แทบจะเหมือนไม่ได้ไปเซี่ยงไฮ้ซักเท่าไหร่  เพราะขับรถไปเที่ยวที่อื่นเกือบทั้งทริป  ก่อนกลับเมืองไทย วันสุดท้าย อยากทาน buffet อร่อยๆ เพราะที่นี่มีร้าน buffet ดีๆ ให้เลือกทานหลายร้าน  ครั้งก่อนได้มีโอกาสไปทาน buffet อาหารญี่ปุ่นที่ Four Seasons Hotel (ร้าน shintaro) ซึ่งคุณภาพดีมากๆ เมื่อเทียบกับอาหารที่เสริฟที่ร้าน shintaro ที่เมืองไทย รวมทั้งราคาถือว่าถูกกว่าเมืองไทยหลายเท่า อีกอย่างเค้ามี Otoro และไข่หอยเม่นเสริฟไม่อั้นด้วย

ครั้งนี้เราเลือกมาทานร้านนึงใกล้ๆ กับโรงแรมที่พัก ซึ่งอยากจะแนะนำสำหรับคนที่จะต้องบินกลับ flight เช้า (7:30 am) เพราะโรงแรมนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามบินแถมติดกับ shopping mall เลย  โรงแรมชื่อ The Cube  ส่วนร้านอาหารนั้นเดินประมาณ 1 นาทีจากโรงแรม



















วันที่ไปทานเค้ามี promotion พอดี  ราคาลดลงมาจาก 258 Yuan เหลือเพียง 199 Yuan  คุ้มมากๆ เลย   จริงๆ แล้วที่ร้านนี้เค้ามี 3 ราคา แต่เราอยากทาน abalone แบบ sashimi และ premium beef ก็เลยเลือกแบบที่ราคาสูงที่สุดเพราะราคานี้ ไม่น่าหาได้ในเมืองไทย ที่สำคัญ เราสามารถสั่งพวก plum wine หรือน้ำผลไม้สดได้ด้วย ทั้งหมดรวมอยู่ในราคานี้แล้ว



















แน่นอนว่าเมนูที่เราสั่งต้องเลือกแบบแพงที่สุดก่อน  จะได้คุ้มค่า เมนูเค้ามีเยอะมาก โดยเมนูที่แพงๆ จะอยู่ด้านหน้า  ร้านนี้เค้ามี sashimi เนื้อด้วย แต่เราไม่ได้สั่งมาทาน กลัวว่าจะไม่สด ก็เลยสั่งแต่เนื้อที่นำมาปิ้งย่าง อย่างเดียว เนื้อแต่ละอย่างที่สั่งมา นุ่มอร่อย ไม่เหนียวแม้แต่นิด สั่งไปหลายจานมาก โดยพนักงานเค้าจะมาคอยปิ้งให้ รวมทั้งเปลี่ยนตะแกรงให้ด้วย บริการดีจริงๆ 








นอกเหนือจากเมนูเนื้อแล้ว เราก็สั่งพวก sushi และ sashimi มาทาน แต่สั่งมาได้ไม่เยอะเพราะเริ่มอิ่ม หลักๆ จะเน้นเป็น Awabi สดใช้ได้เลย



ที่ชอบอีกอย่างก็คือ หนวดปลาหมึกทอด และปลาหิมะย่าง ซึ่งเป็นเมนูที่ราคาไม่แพง แต่ทำออกมาได้อร่อย  ส่วนก้ามปูเผา เนื้อไม่ค่อยมีซักเท่าไหร่ น่าจะเป็นก้าม frozen เนื้อค่อนข้างแห้ง  เมนู sashimi และ sushi มีปลาสดๆ ให้เลือกมากมายแต่ไม่ได้สั่งมาลอง




หลังจากทานไปหลายจานก็ตบท้ายด้วยข้าวผัดเนื้อ รสจัดดี อร่อยถูกใจ
























==================================

ครัวกระแต: อาหารไทย จากอำเภอสองพี่น้อง สุพรรณบุรี

ร้านครัวกระแตเป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่ย้ายมาจากอำเภอสองพี่น้อง สุพรรณบุรี  อาหารที่ร้านนี้เน้นขายพวกปลาแม่น้ำ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเมนูอาหารพื้นบ้านจากสุพรรณบุรีที่หาทานได้ยากตามร้านทั่วไปในกรุงเทพ ซึ่งทำให้สะดวกขึ้นเยอะเลยเวลาที่อยากทานเมนูปลาม้าหรือกุ้งทอดเกลืออร่อยๆ




















เรามาทานครั้งแรก ก็ใช้วิธีเลือกสั่งจากเมนูแนะนำ ซึ่งยังมีอีกหลายรายการที่อยากสั่งอีก แต่ไว้ค่อยมาทานอีกทีครั้งหน้า




















เมนูแรกสั่งเป็นหลดบัวผัดกุ้ง ตอนแรกที่ยกมา กลัวว่าจะแข็งๆ แต่ปรากฏว่าไม่แข็งเลย กรอบๆ นุ่มๆ ผัดออกมาได้เก่งทีเดียว





















ผักกระเฉดไฟแดง เป็นเมนูแนะนำว่าควรสั่งมาลองทาน เพราะของที่ร้านนี้เค้าใช้ตรงยอดอ่อนๆ มาทำ แต่รสอาจออกเผ็ดเล็กน้อยเพราะเค้าใส่พริกมาพอสมควรแต่รสชาติปรุงออกมาได้ถูกใจ




















เมนูด้านล่างดูแปลกกว่าที่อื่น ข้าวผัดเกลือ ใช้ข้าวหุงเม็ดสวยมาผัดแบบไทยๆ ใส่กระเทียมลงไปด้วย หอมอร่อย เหมาะสั่งมาทานคู่กับไข่เค็มดาวหอม ที่ทอดออกมาได้น่าทาน






















































ลูกชิ้นปลากราย มีหลายรายการให้เลือกสั่ง เราลองสั่งแบบทอดรวมทั้งแกงป่ามาลองทาน ผลคืออร่อยทั้งคู่  แบบทอดต้องทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน รสถึงจะออกมาพอดี ไม่อย่างงั้นอาจจะเค็มไปถ้าทานเปล่าๆ  ส่วนแกงป่า รสชาติจัดจ้านมากๆ ค่อนข้างเผ็ดมาก ครั้งหน้าคงต้องบอกให้ทำเผ็ดน้อยลง แต่รสชาติโดยรวมถึงเครื่องจริงๆ ลูกชิ้นก็เนื้อหนึบหนับ อร่อยมากแกงป่าถ้วยนี้







































เมนู highlight ของมื้อนี้ ก็คือ กุ้งทอดเกลือ จานด้านล่าง ใช้กุ้งครึ่งโล ได้กุ้งมาหลายตัวทีเดียว แถมราคาถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับร้านกุ่ยหมงที่สุพรรณบุรี  กุ้งตัวไม่ใหญ่แต่ก็มีมันกุ้งอยู่ในหัวกุ้งด้วย ไว้รอบหน้าต้องลองเช็คกับที่ร้านว่ามีกุ้งขนาดใหญ่หรือไม่



















เมนูสุดท้าย เป็นเมนูที่เราชอบมากๆ ปลารากกล้วยทอด ร้านนี้ทอดปลาออกมาได้กรอบนอก นุ่มใน แถมรสเค็มๆ กำลังดี อร่อยกว่าที่เคยทานที่ร้านอื่นๆ





















หลังจากทานอาหารคาวเสร็จ ก็ต่อด้วยบัวลอยเผือกที่สั่งไว้ล่วงหน้า เพราะของที่ร้านนี้เค้าจะต้มกันใหม่ ไม่มีทำค้างไว้ ถ้าจะทาน แนะนำให้สั่งไปพร้อมอาหารเลย  บัวลอยแป้งนุ่มอร่อย แถมมีมะพร้าวอ่อนๆ ใส่มาด้วย




















รูปสุดท้ายไม่มีขายที่ร้านนี้ แต่เป็นไปไอศครีมถ้วยโปรดจาก Coldstone เค้าใส่ Almond มาเยอะมากๆ จนมองไม่เห็นเนื้อ ice cream เลย  Cheesecake ice cream หวานมัน อร่อยจริงๆ




















=================================
Restaurant Name: Krua Kratae
Location: Padipat Soi 18-20
Price (What we paid): 400 THB/Person
=================================

ตามรอย Mission Impossible ที่เมือง Xi Tang

Xi Tang เป็นเมืองเก่าเมืองหนึ่งที่มีแม่น้ำผ่านตัวเมือง ลักษณะคล้ายๆ กับเมือง Wu Zhen   ซึ่งเมือง Xi Tang นั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากเซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาขับรถไม่เกิน 2 ชั่วโมง ทำให้เป็นเมืองนึงที่นักท่องเที่ยว (คนจีน) นิยมมาเที่ยว  ถ้าเทียบกับ Wu Zhen แล้ว เรารู้สึกว่าที่นี่คนจะเยอะกว่ามาก อาจเป็นเพราะมาเที่ยวได้ไม่ยาก จริงๆ แล้วที่จีนมีเมืองท่องเที่ยวลักษณะนี้หลายแห่ง  ถ้าใครเคยดู Mission Impossible ตอนที่ไปถ่ายทำที่เมืองจีน ฉากในหนังก็คือที่นี่นั่นเอง




















เนื่องจากคนเยอะมากๆ เราเลยไม่ค่อยมีรูปถ่ายตัวเองซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเน้นถ่ายบรรยากาศเมืองซะมากกว่า





















ที่นี่มีร้านน้ำชาร้านนึงที่มีพวกกาสวยๆ แปลกๆ ให้เลือกซื้อได้ด้วย ไม่เคยเห็นที่อื่นเลย หรือจะนั่งทานชา ชมวิวแม่น้ำด้านหลังร้านก็ได้ ที่เมืองนี่มี Pub เยอะมากๆ ตอนกลางคืนที่เราออกมาเดินเล่น เสียงดังมากๆ จะเป็นคนละแบบกับ Wu Zhen ที่จะเงียบมากกว่า สำหรับอาหารระหว่าง 2 เมืองนี้ ส่วนตัวชอบอาหารที่เมือง Wu Zhen มากกว่า




































สำหรับอาหารที่ขายข้างทานส่วนใหญ่จะเป็นพวกมันฝรั่งผัด เต้าหู้ทอดหรือจะเป็นพวกลูกชิ้นทอด รวมทั้งพวกขนมท้องถิ่นที่เราเห็นนักท่องเที่ยวอุดหนุนกันเยอะ จริงๆ ก็อยากลองแต่กลัวเรื่องความสะอาดอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเกิดไม่สบายตั้งแต่ต้นทริป คงเที่ยวไม่สนุกซักเท่าไหร่






















































สำหรับที่พักที่เราพัก เดินไม่ไกลมากจากสะพานทางเข้า แต่ถ้าเอากระเป๋าใหญ่มา เราต้องจ้างรถสามล้อถีบขับพาพวกเราพร้อมกระเป๋ามาส่งที่ที่พัก ซึ่งเราทึ่งมากๆ ในพลังถีบของคนขับสามล้อเพราะรถคันเล็กๆ สามารถพาพวกเราพร้อมกระเป๋าใบใหญ่นั่งมาบนรถสามล้อมาส่งถึงที่หมาย   ตัวตึกที่นี่ดูเก่าๆ เข้ากับบรรยากาศเมือง ที่นี่มีห้องพักเพียง 5 ห้อง โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ราคาของที่พักถือว่าไม่ถูกเลย อาจจะแพงกว่าโรงแรม 5 ดาวบางที่ด้วยซ้ำ ที่นี่เค้าคิดราคาคืนละเกือบ 6,000 บาท ห้องพักมี 2 ชั้น ห้องด้านล่างมีที่นั่งเล่นให้สามารถนั่งจิบชาได้ด้วย





















































ส่วนห้องนอนต้องเดินขึ้นชั้น 2 ไป  ห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ของที่ใช้ตกแต่งเหมือนจะมาจากประเทศไทยเป็นหลัก รู้สึกว่าเจ้าของที่นี่เค้าจะชื่นชอบประเทศไทยเป็นพิเศษ สังเกตุจากขนมที่ใช้เสริฟแขกก็ชื่อ Thailand Fried ของตกแต่งเน้นเป็นรูปช้างและพระพุทธรูปเป็นหลัก





































มานอนที่นี่ ให้ความรู้สึกเหมือนกับย้อนเวลากลับไปสมัยก่อน ยกเว้นเสียแต่ว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม รวมทั้งพวกทีวีที่มีช่อง HBO, CNN ด้วย  Slipper เครื่องเป่าผม รวมทั้งห้องน้ำก็มี Rain Shower ให้ด้วย สำหรับ shampoo และ bath gel ของที่นี่ เค้าใช้ยี่ห้อ L'occitane ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับที่โรงแรม Intercontinenal




















ตอนกลางคืนหลังจากกลับมาจากเดินเล่น  เจ้าของแวะนำผลไม้มาให้ด้วย รวมทั้งตอน check out ก่อนกลับ เค้าก็ให้ของขวัญชิ้นเล็กๆ ที่เป็น wood carving จากไทย ทำให้เราค่อนข้างประทับใจกับบริการของที่นี่


























==============================