Anantara Dhigu@Maldives Review


Maldives เป็นที่ๆ นึงที่อยากไปมานานมากแล้ว แต่ไม่มีโอกาสไปซักที ก่อนไปก็เลือก resort อยู่นานว่าจะไปพักที่ไหนดี เพราะแต่ละที่ก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน Resort High End ที่มีปลาเยอะส่วนใหญ่จะต้องนั่ง Seaplane ในวันรุ่งขึ้น ทำให้เราต้องค้างคืนใน Male ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ Maldives 1 คืน สำหรับ Flight ที่เราเลือกเดินทางคือ Bangkok Airways ซึ่งเป็น Direct Flight จาก Bangkok-Maldives แต่ก็ไปถึงค่ำอยู่ดี เราไม่อยากนอนที่ Male ทำให้เราเลือกพักที่ Anantara Dhigu ซึ่งสามารถเดินทางโดย Speedboat เพียง 30 นาทีจาก Male


เราไปถึง Male ประมาณ 19.30 PM (local time) สนามบินที่นี่เล็กมาก ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถผ่าน custom มาเรียบร้อย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะพาเราไปยัง Speedboat ที่ตกแต่งออก Luxury เล็กน้อย ทำให้แขกที่เข้าพักไม่รู้สึกแย่มากกับการเดินทางโดย Speedboat แต่สำหรับคนที่เมาเรือ แนะนำให้ทานยาแก้เมาก่อนลงเรือเพราะเรือขับเร็วมาก อีกอย่างการขับที่กระแทกกับผิวน้ำอาจทำให้มึนเอาได้ง่ายเหมือนกัน เราไปถึงที่พักประมาณ 08:40 PM โดยเรือจะแวะไปส่งแขกที่ Anantara Veli ซึ่งเป็น sister resort ของที่นี่

รูปด้านล่างคือ Jetty สำหรับรับ-ส่งแขกที่เข้าพักที่ resort โดยเค้าจะมีคนคอยตีกลองต้อนรับเวลาเรามาถึง



ห้องที่เราเลือกพักคือ Deluxe Sunset Over Water Villa ซึ่งมีข้อดีกว่า sunrise ตรงที่แดดจะไม่ส่องเข้ามาในห้องตอนเช้าและ private มากกว่า sunrise นอนนั้นการตกแต่งด้านในเหมือนกัน แต่ราคาห้องจะสูงกว่า sunrise







ห้องประเภทที่อยู่บนน้ำจะเดินไปไกลกว่าพวก Beach Villa แต่เค้ามีจักรยานให้เช่าสำหรับคนที่ไม่ชอบเดิน ห้องที่เราพักที่นี่ Room No. 102 ซึ่งระยะทางกำลังดี ไม่ไกลจนเกินไป






ห้องพักที่นี่ตกแต่งสวย และห้องแบ่งเป็นสัดส่วนดี เดินเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน มีเครื่องชงกาแฟให้พร้อม มีชาและกาแฟหลายแบบให้เลือก (Free) โดยเค้ามี banana chocolate ใส่จานเตรียมไว้ให้ด้วย แต่เราไม่ชอบกล้วยเลยไม่ได้ลองทาน ที่ Resort จะเตรียมน้ำดื่มขวดเล็กไว้ให้ฟรีวันละ 2 ขวด แต่ถ้าเราไปทานน้ำดื่มในห้องอาหาร จะคิดราคาอยู่ที่ USD 5 สำหรับน้ำขวดใหญ่ (+ 10% service charges) ส่วนเบียร์ราคาอยู่ที่ USD 8 (+ 10% service charges) ราคาเบียร์ตรง mini bar ราคาเท่ากับที่ร้านอาหาร ตรงโต๊ะนั่งเล่นเค้าทำเป็นโต๊ะสำหรับเล่นพวกหมากรุกได้ด้วย






บริเวณห้องนอน จะมีเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นด้วย เตียงนอนหันหน้าออกทะเล ทำให้รู้สึกดีเวลาตื่นนอนมาตอนเช้า วิวสวยแบบที่บรรยายเป็นคำพูดได้ยาก ในห้องมีอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับมา resort ที่อยู่บนน้ำ รวมทั้งเสื้อชูชีพด้วย รองเท้าแตะ (ที่แข็ง ไม่นุ่มเหมือน resort ที่เมืองไทย) ร่ม ไฟฉาย และอื่นๆที่จำเป็น จริงๆ แล้วมาพักที่นี่ไม่ต้องเตรียมอะไรมามากยกเว้น sunblock ที่ต้องใช้เยอะมากๆ








ห้องน้ำของที่นี่ แบ่งเป็นสัดส่วนดี เราชอบห้องน้ำของที่นี่เพราะกว้างกำลังดี มีอ่างล้างหน้า 2 อ่าง และแบ่งบริเวณ shower ไว้อีกฝั่งด้านใน สามารถดูวิวด้านนอกระหว่างอาบน้ำ ห้องพักอื่นมองเข้ามาไม่ได้เพราะจะมีส่วนที่กั้นไว้





อ่างอาบน้ำที่สามารถแช่น้ำแล้วมองเห็นทะเลด้านนอกจากห้อง





เค้ามีช่องเจาะไว้เล็กๆ สำหรับดูน้ำด้านล่าง น่าเสียดายที่ไม่มีปลาว่ายผ่าน เพราะแถวนี้ไม่มีปะการัง





ระเบียงด้านนอกใหญ่มากๆ โดยจะมีเก้าอี้ให้นั่งเล่นอยู่ชายคา นั่งดูวิวข้างนอก อ่านหนังสือ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว





เก้าอี้มีเยอะจริงๆ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถย่าง Bar B Q จากห้องพักได้ น้ำทะเลและชายหาดที่นี่สวยจริงๆ








ข้อดีของ Water Villa คือเราสามารถลงว่ายน้ำจากที่พักของเราได้เลย และมีความสงบ ส่วนตัวมากกว่า Beach Villa ไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นห้องผิด เพราะเค้าจะมีเบอร์ห้องไว้ด้านนอกด้วย ตอนแรกเราไม่รู้ก็เลยเอาหินไปวางไว้





มาที่ Anantara แล้วไม่ได้ลองใช้ spa service ก็จะดูเหมือนขาดอะไรไป เราไปใช้บริการนวดสปาหลังจากที่ไปพายคายัดกันมาแล้วเมื่อยมากๆ สงสัยไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แค่ 30 นาทีก็ปวดแขนไปหลายวัน




ด้านล่างเป็น Spa Center ที่อยู่ใกล้ๆ กับ Jetty ที่เราไปรอเรือข้ามฝั่งจาก Anantara Dhigu ไปที่ Anantara Veli ซึ่ง location ที่สร้างตรงส่วน spa ขึ้นมาอยุ่ใกล้ๆ กับกลุ่มปะการัง ทำให้สามารถมองปลาว่ายผ่านไปผ่านมาตรงช่องกระจกที่เค้าเจาะไว้ด้านล่างได้ด้วย



ห้องทำ spa จะมีอ่างสำหรับแช่ Jacuzzi ด้วย เช่นกันสามารถนั่งมองทะเลจากตรงอ่างได้เลย ห้องตกแต่งได้สวย เข้ากันดีกับ resort พนักงานที่นี่ 80% เป็นคนไทย นวดได้ดีมากๆ เราเลือก Aroma Massage 90 นาที (USD 145/Person + 10% SC) แม้จะดูเหมือนแพงแต่แนะนำให้ลองใช้บริการดู เพราะนวดดีจริงๆ หลังจากนวดเสร็จ เค้าจะให้เรามานั่งจิบชาตรง resting area ด้านนอก สามารถนั่งมองพระอาทิตย์ตกตอนเย็นได้ด้วย



ด้านล่างเป็นส่วนของ infinity pool ที่ Anantara Dhigu ซึ่งอยู่ในบริเวณของ Aqua Bar ถ้าสังเกตดีๆ ในรูปนี้เค้าจะมีเสา 2 เสาตั้งอยู่ในน้ำ แล้วผูเปลไว้ตรงกลาง สำหรับคนที่อยากไปนอนเล่นบนเปลในทะเล โดยรวม resort นี้ ห้องพักสวย ตกแต่งดี อาหารอร่อย แต่ไม่มีปลาแถวๆ บริเวณห้องพัก ถ้าอยากพักห้อง water villa แล้วเห็นปลาเยอะๆ จากห้องต้องมาพักที่ฝั่ง Anantara Veli แต่ห้องอาจจะเล็กและไม่สวยเท่าที่ Dhigu แต่ราคาอาจถูกกว่าถึง 30%





=============================================
Resort Name: Anantara Dhigu
Location: Maldives
Price: $750/Night (Sunset Deluxe Over Water Villa)
=============================================

No comments:

Post a Comment