Sunday Brunch@Four Seasons Hotel
Sunday Brunch ที่โรงแรม Four Seasons นับเป็นหนึ่งใน Sunday Brunch ที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เลย ที่นี่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย รวมทั้ง Alcoholic Drinks เสริฟไม่อั้น Buffet line เริ่มตั้งแต่ 11:30-15:00 PM สามารถนั่งทานไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้จำกัดเวลา
ไข่ปลามีให้เลือกหลากหลาย แต่ตรงส่วนของอาหารญี่ปุ่นวันนี้รู้สึกว่า ingredients จะมีไม่พร้อมเท่าที่ควร วันนี้ไม่มี avocado อีกอย่าง california roll ไม่ได้ใส่ไข่กุ้งมาด้วย ต้องไปตักไข่กุ้งมาใส่เองจากอีก station เราเลยใส่ไข่ปลาหลายๆ แบบลงไป ก็ออกมาอร่อยดี สำหรับ sashimi ปลาทุกชนิดที่ทาน สดมาก ปลาไหลย่าง ก็ทำออกมาได้ดี ที่ชอบอีกอย่างคือ Pan fried foie gras ใช้ตับห่านชิ้นหนาๆ คุณภาพดี ย่างออกมากำลังดี อร่อยมากๆ ซอสที่ราดมา ก็เข้ากันดีทีเดียว Grilled rack of lambs ที่นี่ก็ทำออกมาได้อร่อย เนื้อนุ่ม ไม่มีกลิ่น สุกกำลังดี
ส่วน thai station จาก spice market เค้าก็มีเมนูที่อยากแนะนำคือ ปูนิ่มผัดขี้เมา ปูนิ่มกรอบๆ เข้ากันได้ดีกับซอส แต่ไม่อยากทานอาหารไทยเยอะ เดี๋ยวจะอิ่มซะก่อน
ไปดูทางด้านห้อง Madison บ้าง อาหารทะเลมีให้เลือกหลายชนิด ทั้ง cold seafood และ cooked seafood โดยสามารถสั่งพนักงานไว้แล้วให้เค้ามาเสริฟที่โต๊ะ ลองสั่ง Beef tenderloin และ Grilled tiger prawn อร่อยทั้งคู่ steak ใช้ Australian Beef ซึ่งนุ่มใช้ได้ ส่วนเนื้อกุ้ง ก็ย่างกำลังดี ไม่สุกเกินไป ซอสที่ราดมาก็เข้ากันได้ดี
นอกจากนี้ก็ยังมี Pasta และ Risotto ด้วย เราลอง Risotto เห็ดและAsparagus แต่รสออกมาเฉยๆ รู้สึกเลี่ยนไปนิดนึง ส่วนตัวแล้วชอบ Carbonara มากกว่า
นอกจากอาหาร Italian แล้วก็ยังมีพวกอาหารจีนและอาหารอินเดียด้วย หมูหันรสใช้ได้แต่อยากให้หนังกรอบกว่านี้ ถ้าใครชอบพวก Kebab ก็มีให้ทานด้วยแต่ทานอาหารคาวไม่ลงแล้ว ทานไปเยอะมากๆ
สำหรับของหวาน ก็มีให้เลือกมากมาย รวมทั้ง ice cream ที่มีให้เลือกประมาณ 5 รส อร่อยทุกรสที่ลองทานเลย ตบท้ายด้วย crepe suzette อิ่ม อร่อย ทานเสร็จ แทบจะต้องกลิ้งออกไปจากโรงแรม
ส้มตำนัว สาขาสยามสแควร์
แดรี่ โฮม (Dairy Home)@Khao Yai
Dairy Home ตั้งอยู่ตรงหัวมุมของถนนผ่านศึก-กุดคล้า ซึ่งเป็นถนนทางลัดที่จะไปเขาใหญ่ถ้าวิ่งมาบนนถนนมิตรภาพวิ่งสู่นครราชสีมา ร้านนี้จำหน่ายผลิตภัณฑ์หลายประเภท ทั้ง bakery ผักปลอดสาร น้ำสลัด ไส้กรอก ไอศครีมและอื่นๆ อีกมาก รวมทั้งมีร้านอาหารสำหรับให้นั่งทานในร้านด้วย
ภายในร้านตกแต่งได้น่ารัก เหมาะสำหรับมาทานเป็นครอบครัว เมนูมีให้เลือกหลายอย่าง เน้นเป็นพวก steak และ home-made sausages สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อก็มีเมนูมังสวิรัติให้เลือกสั่งด้วย วันนี้ผักที่เราอยากทานหมด เลยต้องสั่งเป็นสลัดน้ำใสแทน แต่พวกเราต่างก็ติดใจน้ำสลัดโชยุของที่นี่จนต้องซื้อกลับหลายขวด
ส่วนเมนูอื่นๆ ไม่ค่อยประทับใจเพราะอาหารส่วนใหญ่รสชาติออกหวานถึงหวานมาก เช่น พล่าปลาทูน่า ที่คาดว่าน่าจะใช้ครีมสลัดมาปรุง ทำให้กลบรสของมะนาวไปหมด หรือเนื้ออบไวน์แดง ที่เคี่ยวเนื้อออกมาได้นุ่มแต่ซอสมีความหวานจัด ทำให้กลบความอร่อยของเนื้อไปหมด
ไส้กรอกที่เราสั่งทั้ง 2 ชนิด ไส้กรอกพริกไทยอ่อนและไส้กรอกกระเทียม ปรุงรสออกมาได้ดี แต่เราชอบไส้กรอกแบบเนื้อเนียนมากกว่า ส่วนเมนูปลาแซลมอนผัดกระเพรา เนื้อปลาไม่ค่อยเข้ากับเครื่องเท่าไหร่ รสชาติยังอ่อนไป
สำหรับของหวาน เราลองสั่งเค๊กมาลอง 2-3 อย่าง รสออกธรรมดา ไม่ได้พิเศษอะไร เนื่องจากพื้นที่ในท้องเต็มเลยไม่ได้ทานไอศครีม แต่ดูแล้วน่าจะอร่อยกว่าอาหารที่ทานไป
========================================
Restaurant Name: Dairy Home
Location: Parn Suek-Kud Kla Road
Price: 200 THB/Person
========================================
อาหารเกาหลี อร่อยๆ ที่แดจังกึม ประสานมิตร
ร้านนี้เป็นร้านที่เพื่อนที่ทำงานแนะนำให้ไปลองทานแต่พึ่งจะมีโอกาสมาวันนี้เอง หลังจากที่พยายามเสาะหาร้านอาหารเกาหลีอร่อยๆ ในกรุงเทพซึ่งเท่าที่ทานมายังไม่เจอที่ถูกใจซักเท่าไหร่ บางร้านที่เคยอร่อย ก็กลายเป็นไม่อร่อยไปแล้ว สำหรับร้านแดจังกึม เป็นร้านที่หาไม่ยากถ้ารู้จักประสานมิตรพลาซ่า เพราะร้านนี้ตั้งอยู่บนชั้น 3 นี่เอง ที่จอดรถมีมากมาย หลังจากทานอาหารเกาหลีเสร็จ ถ้ายังไม่อิ่มสามารถลงมาทานไอศครีม Umm Milk ที่อยู่ชั้น 1 เป็นของหวาน
อาหารที่ร้านมีให้เลือกมากมาย สามารถดูเมนูภาพประกอบเพื่อช่วยในการตัดสินใจ รูปที่ถ่ายมาหน้าตาดูดีอยู่หลายจานจนเลือกแทบไม่ถูก จริงๆ เราอยากสั่งเยอะกว่านี้แต่น้องคนเสริฟ แนะนำว่าเยอะแล้ว สงสัยกลัวเราจะทานไม่หมด ตกลงแล้วเลยสั่งเมนูเนื้อสำหรับย่างมา 3 จาน มี Yangnyem Galbi (450 THB) Deung Sim (450 THB) และ Boolgogi (300 THB) โดยเราสามารถเลือกที่จะย่างบนโต๊ะหรือจะให้พนักงานย่างมาจากในครัวเลยก็ได้ แต่ที่ร้านเค้าแนะนำให้ย่างบนโต๊ะ จะได้ทานตอนร้อนๆ เลย
ส่วนกิมจิของร้านนี้ เค้ามีมากมายเท่าที่นับได้มีประมาณ 7-8 อย่าง ซึ่งรวมถึงสลัดผักและผักสดสำหรับห่อทานกับเนื้อย่าง ที่ชอบมากๆ อย่างนึงเลยคือ น้ำจิ้มที่มีอยู่ 3 แบบ เข้ากับเนื้อย่างสุดๆ
เนื้อของร้านนี้ นุ่มมากๆ อร่อยทุกจาน สำหรับคนที่ชอบเนื้อติดมัน แนะนำให้สั่ง Deung Sim แต่ถ้าชอบเป็นเนื้อบางๆ แนะนำเมนู Boolgogi ส่วนเนื้อจานโปรดของวันนี้ยกให้เป็น Galbi เพราะไม่มีความเหนียวแม้แต่น้อย อร่อยมากๆ และเข้ากันดีกับผักกกาดหอม พริกและกระเทียมสด ซึ่งกระเทียมของร้านนี้ ไม่เหม็นเลยแปลกจริงๆ
นอกเหนือจากเมนูปิ้งย่าง เรายังสั่งอาหารมาอีก 2 จาน จานที่เป็นวุ้นเส้นผัด รู้สึกว่าจะเรียกว่า Chapjae เป็นจานที่เรามักจะชอบสั่งเวลาไปร้านอาหารเกาหลี ที่ร้านนี้เค้าผัดมาได้แบบกำลังดีเลย เครื่องที่ใส่ก็มีหลายอย่าง โรยงาหอมๆ มาด้านบนด้วย จานใหญ่มาก แต่ก็ทานกันจนหมด
จานสุดท้าย ชื่อว่า Mae Yun Bul Dak (280 THB) หรือเนื้อไก่ย่างแบบเผ็ด เค้าจะหั่นเนื้อไก่ที่ย่างมาหอมๆ นำไปหั่นเป็นชิ้นค่อนข้างใหญ่ ผัดมากับซอสเกาหลีแบบเผ็ด ซึ่งก็ไม่ได้เผ็ดมากอะไร ใส่กระทียมกลีบใหญ่มาเป็นจำนวนมาก และโรยหน้าด้วยต้นหอมหั่นฝอยและงา จานนี้เข้มข้นมาก เข้ากันดีจริงๆ กับข้าวสวยร้อนๆ
วันนี้ประทับใจสำหรับอาหารและการบริการ คิดว่าต้องกลับมาใหม่เร็วๆ นี้เพราะยังมีอีกหลายรายการที่น่าสนใจ
========================================
Restaurant Name: Dae Jung Guem
Location: Prasanmitr Plaza, Sukhumvit 23
Price: 600 THB/Person
========================================
ร้านสงวนศรี อาหารไทยเก่าแก่ บนถนนวิทยุ
ร้านสงวนศรี ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ใกล้ๆ กับสถานฑูตเวียดนาม ก่อนถึงโรงแรม Plaza Athenee ที่จอดรถไม่มี อาจจะจอดแถวๆ ตึกบริเวณใกล้ๆ เดินทางมาโดย Taxi น่าจะสะดวกที่สุด ร้านนี้มีเมนูโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบันหลายรายการ รวมทั้งมีเมนูข้าวแช่เสริฟพิเศษช่วงหน้าร้อนด้วย ราคาอาหารเริ่มต้นตั้งแต่ 40 บาท
อาหารจานที่สั่งประจำก็จะมี ผัดผักคะน้าหมูกรอบ ซึ่งไม่เหมือนร้านอื่น ตรงที่หมูกรอบ เค้าจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปทอดจนกรอบ ส่วนผักคะน้า เค้าก็จะใช้ตรงส่วนลำต้นอวบๆ ดูน่าทาน ส่วนอาหารจานอื่นๆ เราก็จะเปลี่ยนเมนูที่จะสั่งไปเรื่อยๆ
ไข่เจียวหอยนางรม ใช้หอยนางรมตัวอวบๆ สดและไม่คาว ไข่เจียวออกมาแบบไม่สุกมาก เป็นอาหารจานง่ายๆ แต่ทำออกมาได้อร่อย
ผัดพริกขิงปลาช่อน จานนี้ทำออกมาได้อร่อยสุดยอด ปลาช่อนหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปทอดกรอบๆ แล้วมาผัดกับเครื่องพริกขิง รสไม่หวาน ไม่เผ็ดจนเกินไป เหยาะน้ำปลาพริกเล็กน้อย ยิ่งเข้ากัน ส่วน ลาบวุ้นเส้น ก็ปรุงรสได้รสจัดจ้าน สัดส่วนของวุ้นเส้นกับเนื้อหมู กำลังดีเลย
ของหวานของร้านนี้เค้าก็อร่อยไม่แพ้ของคาว เมนูที่เราสั่งเป็นประจำ คือ กล้วยไข่เชื่อม และเฉาก๊วยแปะก๊วย เย็นๆ อร่อยชื่นใจ สำหรับคนชอบทานไอศครีมแนะนำให้สั่งไอศครีมแล้วโปะหน้าดวยกล้วยไข่เชื่อม เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
===============================================
Restaurant Name: Sa-nguan-sri
Location: Wireless Road
Price: 150-200 THB/Person
===============================================
บุญโภชนา อาหารจีนอร่อย แถวสีลม
วันนี้อยากมาแนะนำร้านอาหารจีนแบบที่ไม่ใช่ cantonese style แต่น่าจะเป็นอาหารจีนที่มาจาก main land สำหรับรสชาติ ถือว่าอร่อยทีเดียว การเดินทางไปร้านนี้ค่อนข้างงงๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับยากทีเดียว ถ้าวิ่งมาบนถนนสีลม มุ่งหน้าถนนพระราม 4 หลังจากผ่านโรงแรม Sofitel และภัตตาคาร Shangri-la แล้วให้เตรียมชิดซ้ายเลี้ยวเข้าถนนเล็กๆ ก่อนถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนนราธิวาสฯ
เราไปทานร้านนี้กันแค่ 2 คน เลยสั่งอาหารมาลองได้ไม่กี่อย่าง สำหรับคนที่อยากทานเกี๊ยวแบบจีนสามารถสั่งเกี๊ยวจากร้านฝั่งตรงข้ามที่ชื่อ "เกี๊ยวเหลียวหนิง" มาทานที่ร้านนี้ได้เช่นกัน เท่าที่ดูเมนูสองร้านนี้คล้ายๆ กันยกเว้นร้านเกี๊ยวเหลียวหนิง เค้ามีรายการเกี๊ยวมากมายหลายแบบให้เลือกสั่ง
เมนูแรก ปลาหมึกผัดพริกเกลือ รสออกเค็มๆ เล็กน้อย เนื้อหมึกทอดออกมาได้กรอบนอก เนื้อนุ่มด้านใน ทานแล้วเพลิน เคี๊ยวหนุบหนับ หมดจานโดยไม่รู้ตัว
เต้าหู้เสฉวน รสเข้มข้น เหมาะทานกับข้าวสวย ร้านนี้เค้าทำอาหารจานค่อนข้างใหญ่ ถ้าเทียบกับร้าน Top Menu ที่หลังสวน
กุ้งแม๊กกี้ ที่ทำออกมาไม่เหมือนกับที่คิดไว้ เพราะเข้าใจว่า รสจะออกเค็มๆ เหมือนซอสแม๊กกี้ แต่กลายเป็นรสออกหวานนิดๆ เหมือนผัดเปรี้ยวหวาน ส่วนตัวกุ้งเค้าทอดมาได้กรอบ ทำให้สามารถทานได้ทั้งตัว สำหรับคนที่ไม่ชอบทานอาหารรสหวาน อาจจะไม่โปรดนักสำหรับจานนี้
ผัดถั่วแขก (100 THB) ที่คัดถั่วแขกต้นอวบๆ มาทำ รสชาติออกเค็มเล็กน้อย ที่ร้านนี้ใส่หมูสับผัดมาด้วย ทำให้อร่อยยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเทียบกับ Top Menu ของร้านนี้น่าจะทำออกมาได้ดีกว่า แถมให้ปริมาณที่เยอะอีกด้วย
จานสุดท้ายที่มาจากร้านเกี๊ยว เหลียว หนิง คือ เกี๊ยวซ่าแบบจีน ทอดมาเป็นแพ มีทั้งหมด 12 ลูก (70 THB) เกี๊ยวลูกโต ใส่ไส้มาอาจจะน้อยไปนิด เมื่อเทียบกับตัวแป้ง ไส้เกี๊ยว รสอร่อย มีความชุ่มฉ่ำ แต่เราอยากให้แป้งด้านนอกกรอบกว่านี้อีกนิด น่าจะอร่อยขึ้นกว่านี้
รายการอาหารของร้านนี้ยังมีอีกหลายรายการที่น่าสนใจ เช่น ปลาบู่นึ่งซีอิ้ว ปลาบู่ในน้ำมัน ผักฮ่องกง และอื่นๆ ที่หาทานได้ยากอีกหลายรายการ ที่สำคัญ อาหารร้านนี้เค้าราคาไม่แพงด้วย ทำให้สามารถมาทานได้บ่อยๆ
========================================================
รายการอื่นๆ เพิ่มเติมที่ได้ไปทานมาอีกครั้งที่อยากแนะนำก็มี ผัดผักบุ้งไฟแดง ซึ่งร้านนี้เค้าใช้ตรงส่วนยอดอ่อนๆ มาใช้ ผัดใช้ไฟแรงมีกลิ่นหอมๆ ของปลาเค็มเล็กน้อย (สงสัยจะติดกระทะมาจากเมนูอื่น)
ปลาบู่แช่น้ำมัน (350 THB) ที่ดูชื่ออาจจะฟังดูแปลก จริงๆ แล้ว เค้าจะนำปลาบู่ไปทอดในน้ำมันร้อนจัดก่อน ที่จะนำมาราดด้วยน้ำซีอิ้ว ทำให้หนังปลาและผิวด้านนอกกรอบนิดๆ แต่เนื้อด้านในยังนุ่มอยู่ น้ำราดก็ทำรสออกมากำลังดี อร่อยค่ะจานนี้
มะเขือยาวอบปลาเค็มหม้อดิน รสชาติเข้มข้น หอมปลาเค็ม ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมากเลยค่ะ โดยเฉพาะเครื่องที่ติดตรงก้นหม้อ
กุ้งทอดผัดพริกเกลือ (180 THB) จานนี้ใช้เครื่องแบบเดียวกับปลาหมึกทอดพริกเกลือ โดยเค้าจะนำกุ้งทั้งเปลือกไปทอดในน้ำมันร้อนจัด ทำให้กุ้งกรอบมาก สามารถทานได้ทั้งตัว จานนี้ทานเพลินๆ หมดโดยไม่รู้ตัว
============================================
Restaurant Name: Boon Pochana
Location: Silom Road
Price: 250 THB/Person (Special discount 15%)
============================================
Jin E Mon: Japanese Spaghetti Review
Jin E Mon เป็นร้าน spaghetti ที่เป็น franchise มาจากญี่ปุ่น การตกแต่งร้านทำได้น่าสนใจ เพราะเค้าจะนำเมนูของร้านมาทำเป็นแบบจำลอง หน้าตาดูน่าทาน ทำให้เราเองก็อดไม่ได้ที่จะต้องแวะเข้าร้าน สาขาที่ไปทานอยู่ที่ชั้นใต้ดินของ Esplanade ตัวร้านอยู่ใกล้ๆ กับ Gindaco
วันนี้ไม่หิวเท่าไหร่ เลยสั่งมาลอง 2 รายการ เบอร์ 28 และเบอร์ 53 สำหรับเบอร์ 28 เป็น spaghetti ใส่เมนไทโกะ (cod roe) และ salmon roe เป็น spaghetti แบบเย็น หน้าตาออกมาไม่ค่อยเหมือนในรูปถ่ายซักเท่าไหร่ ตัวซอสทำออกมาได้รสชาติจืดมาก แม้ว่าจะใช้วัตถุดิบคุณภาพดีมาทำ แต่ถ้า chef ไม่มีฝีมือ คงจะเป็นการยากที่จะทำให้อาหารออกมาอร่อย การปรุง spaghetti ให้อร่อยต้องมีการ train และประสบการณ์พอสมควร ส่วนอีกจาน spaghetti meat sauce with eggplant and mozzarella cheese ไม่ถึงกับแย่มาก พอทานได้ แต่ก็ไม่ได้อร่อย เพราะ cheese ยังคงเป็นก้อนอยู่เลย เครื่องก็ผัดไม่เข้ากันกับซอส
ทานแล้วนึกถึงร้าน spaghetti ที่ญี่ปุ่น ที่ทำออกมาได้อร่อยทุกจานแถมราคาที่ญี่ปุ่นก็ไม่แพงอีกด้วยถ้าเทียบกับปริมาณที่เยอะ แถมรสอร่อยกว่าที่เมืองไทยแบบเทียบกันไม่ติดเลย ค่อนข้างผิดหวังกับร้านสาขาที่ Esplanade น่าจะต้องปรับปรุงรสชาติให้ออกมาดีกว่านี้
==========================================
Restaurant Name: Jin E Mon
Location: Esplanade Mall
Price: 300 THB/Person
==========================================
Orchard ข้าวมันไก่สิงคโปร์
ข้าวมันไก่ สูตรสิงคโปร์ ร้านนี้มีสาขาอยู่หลายแห่ง ตั้งอยู่ตาม shopping mall สาขาที่เราลองไปทาน คือ Paradise Park ที่พึ่งเปิดตัวมาไม่นาน ร้านตั้งอยู่ชั้นบนสุด (ชั้นขายอาหาร) เมนูที่ร้านมีรายการให้เลือกไม่มาก เค้าจะมีรายการแนะนำกำกับไว้ เผื่อไม่แน่ใจว่าจะสั่งอะไรดี เราลองสั่งเมนูข้าวมันไก่สิงคโปร์ (set menu) ราคา 125 THB เสริฟพร้อมข้าวและน้ำซุป สามารถเลือกสั่งได้ว่าจะเอาเป็นไก่นึ่งหรือไก่อบ รวมทั้งเลือกสั่งชิ้นส่วนของไก่ได้ด้วย ข้าวมันกลิ่นหอม หุงออกมาได้ไม่แฉะ เนื้อไก่ชุ่มฉ่ำ แถมด้วยน้ำจิ้มถึง 4 แบบ
เราลองสั่งของทานเล่นที่เป็นเมนูแนะนำของร้าน ลูกชิ้นปลาอินทรีย์ทอด (69 THB) ลูกชิ้นได้กลิ่นหอมของปลาอินทรีย์มากๆ แถมทอดออกมาได้ผิวกรอบนิดๆ ด้านนอก เนื้อเหนียวนุ่ม
ร้านนี้เป็นอีกร้านที่ทำข้าวมันไก่ออกมาได้ดีอีกร้านหนึ่งค่ะ
============================================
Restaurant Name: Orchard
Location: Paradise Park
Price: 125-150 THB/Person
============================================
สายไหม บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง จากท่าน้ำศิริราช
วันก่อนไปทำธุระแถวๆ ถนนพัฒนาการ แล้วเหลือบไปเห็นชื่อร้านนี้ดูน่าสนใจ เค้าใช้ชื่อว่า สายไหมบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง แสดงว่าต้องมีดีที่เส้นบะหมี่และเกี๊ยวกุ้งแน่ๆ เลย ว่าแล้วก็ลองเข้าไปทานดู สั่ง "บะหมี่แห้งเกี๊ยวกุ้งหมูแดง" มา 1 ชาม พร้อมขอน้ำซุปแยกต่างหาก หน้าตาเป็นดังรูป
บะหมี่ไข่เส้นเล็ก คล้ายกับที่ทานที่ฮ่องกง ตัวเส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม อร่อย หมูแดงก็หั่นมาชิ้นกำลังดี ไม่บางจนเกินไป พร้อมมีน้ำราดหวานๆ เล็กน้อย ส่วนเกี๊ยวกุ้ง มีเนื้อกุ้งให้เห็นด้วย แม้ว่าไม่ได้ใส่กุ้งอย่างเดียว ราคาชามละ 35 บาทเอง ถ้าใส่สงสัยจะขายราคานี้ไม่ได้ แนะนำให้ลองทานดูค่ะ ถ้าผ่านไปมาแถวนั้น จอดรถแถวริมถนนได้เลยค่ะ
=============================================
Restaurant Name: Sai Mai+ Shrimp Wonton Noodle
Location: Pattanakarn 59, Bangkok
Price: 35-40 THB
=============================================
บะหมี่ไข่เส้นเล็ก คล้ายกับที่ทานที่ฮ่องกง ตัวเส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม อร่อย หมูแดงก็หั่นมาชิ้นกำลังดี ไม่บางจนเกินไป พร้อมมีน้ำราดหวานๆ เล็กน้อย ส่วนเกี๊ยวกุ้ง มีเนื้อกุ้งให้เห็นด้วย แม้ว่าไม่ได้ใส่กุ้งอย่างเดียว ราคาชามละ 35 บาทเอง ถ้าใส่สงสัยจะขายราคานี้ไม่ได้ แนะนำให้ลองทานดูค่ะ ถ้าผ่านไปมาแถวนั้น จอดรถแถวริมถนนได้เลยค่ะ
=============================================
Restaurant Name: Sai Mai+ Shrimp Wonton Noodle
Location: Pattanakarn 59, Bangkok
Price: 35-40 THB
=============================================
ครัวไม้งาม สาขา 2 ถนนศรีนครินทร์
ร้านนี้เป็นสาขาที่ 2 ของร้านอาหารที่อยู่ในบริเวณของเรือนไม้งามที่เขาใหญ่ ร้านนี้มีคนนำไปเขียนแนะนำลงใน Magazine หลายเล่ม สามารถอ่านได้ในเมนูของที่ร้านเผื่อนึกไม่ออกว่าจะสั่งอะไรดี อาหารที่เสริฟที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจีนและอาหารฝรั่ง แต่วันนี้เราลองสั่งเป็นอาหารจีนซะส่วนใหญ่ ส่วนน้ำดื่มมีเครื่องดื่มสมุนไพรให้เลือกหลายรายการ กระซิบนิดนึงว่าร้านนี้เค้าทำเอง แนะนำให้ลอง น้ำตะไคร้ ทานแล้วชื่นใจ
สำหรับอาหาร จานแรกที่พลาดไม่ได้เลย เกี๊ยวกุ้งฮ่องกง (Small:100 THB) ตัวแป้งเกี๊ยว เป็นแป้งเกี๊ยวพิเศษที่นำเข้ามาจากฮ่องกง ทำให้ไม่เละเวลาที่ปรุงออกมา ตัวไส้มีเครื่องหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยอดมะพร้าว เห็ดหอม เนื้อกุ้ง ซึ่งสดจริงๆ กัดไปเนื้อกุ้ง เด้งดึ๋งในปาก ส่วนน้ำซอสที่ราดมาเค้าก็ปรุงรสพิเศษ โรยหน้ามาด้วยกระเทียมเจียวและต้นหอมซอย
จานถัดมา เนื้อผัดปาท่องโก๋ (Small: 150 THB) สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อ สามารถสั่งเป็นหมูผัดปาท่องโก๋ได้เช่นกัน เนื้อที่ร้านนี้ไม่เหนียว แถมปาท่องโก๋ก็ยังกรอบอยู่เลย เข้ากันได้ดีกับขิงและพริกหวานที่ผัดมาด้วยกัน อาหารจานนี้ร้านที่ทำออกมาได้อร่อยอีกร้านคือ กั๋มหล่ง (เนื้อแพะผัดปาท่องโก๋)
สำหรับรายการที่สามารถสั่งมาเป็นอาหารจานเดียวได้เลย ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ทรงเครื่อง (100 THB) ทำออกมาได้น่าทานอีกแล้ว เครื่องหลักๆ จะมียอดมะพร้าวและแครอท ที่หั่นมาเป็นลูกเต๋า ส่วนเนื้อสัตว์ จะใส่ทั้งกุ้งและหมูสับ ตัวน้ำราดปรุงรสได้อร่อยจริงๆ เลยค่ะ ที่ต้องขอชมอีก 1 อย่างคือ วัตถุดิบที่ใช้ มีคุณภาพดีและสดใหม่
จานสุดท้าย กุ้ยช่ายและเผือกกรอบ หน้าตาเหมือนเกี๊ยวซ่าแต่ไม่ใช่ แป้งด้านนอกทอดออกมาได้กรอบมากๆ ส่วนตัวไส้ด้านใน ยังคงความชุ่มฉ่ำ ไม่แห้งเลยค่ะ ไม่รู้เค้ามีเทคนิคอย่างไร ไส้มี 2 แบบ: ไส้กุ้ยช่ายและเผือก ซึ่งอร่อยทั้ง 2 ไส้
ยังมีอีกหลายรายการที่เราอยากลองสั่งแต่วันนี้มาทานกัน 2 คน เลยไม่ได้ลองทานอีกหลายเมนูที่ดูน่าสนใจเช่นกัน
===============================================
Restaurant Name: Krua Mai Ngam
Location: Srinakarin Road (Seri Villa Yak 2), Bangkok
Price: 250-300 THB/Person
===============================================
อาหารทะเลเผาแสนอร่อยที่ร้านเตยร่วม
ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านที่ตั้งใจอยากไปลองมานานแล้ว แต่หาโอกาสไปยากเนื่องจากร้านนี้เปิดแค่ช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 17:00-01:00 น. ลักษณะเป็นร้านห้องแถว 2 คูหา อยู่เยื้องๆ กับธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางโพ สามารถจอดรถได้ริมฟุตบาทหรือหลังร้าน (ลานจอดรถ)
อาหารที่ร้านนี้เน้นเป็นพวกอาหารปิ้งๆ เผาๆ และอาหารรสจัด มีให้เลือกมากมายหลายรายการ สำหรับวันนี้ เราลองสั่งรายการตามที่แนะนำใน Mcdang Guide ยกเว้นรายการ กบทอดกระเทียมพริกไทย ที่สั่งไปแล้วแต่พนักงานลืมจด เลยอดไป ที่อยากแนะนำคงเป็นรายการอาหารทะเลเผา ไม่ว่าจะเป็นหอยแครงเผา ที่คัดหอยแครงตัวอวบๆ เผาออกมากำลังดี ไม่แห้ง เกินไป เนื้อหอยแครงยังชุ่มฉ่ำอยู่ ทานกับน้ำจิ้ม seafood รสเด็ด เข้ากันดีจริงๆ
ที่ติดใจมากอีกจาน คือ ปลาสำลีเผา ที่ทำออกมาได้เก่งที่เดียว ดูเหมือนทำง่าย แต่ถ้าเครื่องไม่ซึมเข้าเนื้อปลา มันจะรสจืดๆ แต่ของร้านเตยร่วม เข้าหมักเครื่องกระเทียม พริกไทย แทรกตามบั้งของตัวปลา พร้อมกับเครื่องเข้าไปในท้องปลาด้วย ทำให้หอมมากๆ อีกอย่าง ร้านนี้เค้าเผาปลาสำลี ได้สุกกำลังดีอีกด้วย
ส่วนเมนูข้าวผัดจานเด็ดของร้าน ข้าวผัดเตยร่วม จานนี้ใส่เครื่องมาหลายอย่าง ทั้งกุ้ง กุนเชียง หมูชิ้น และผักคะน้าหั่นมาเป็นชิ้นเล็กๆ รสชาดดี แต่ข้าวร่วนไปนิดนึง ทำให้ข้าวกับเครื่องแยกออกจากกัน ข้าวผัดที่อร่อย สำคัญว่าต้องใช้ข้าวคุณภาพดีมาทำด้วย ไม่อย่างงั้น ทำออกมาอย่างไรก็ยังคงสู้ข้าวผัดแบบจีนไม่ได้
ถ้าใครชอบอาหารรสจัดแนะนำให้ลอง ปลาช่อนทอดผัดฉ่า โดยเค้าจะนำปลาช่อนหั่นเป็นแว่นไปทอดแบบกรอบนอก นุ่มใน แล้วค่อยนำไปผัดกับ เครื่องผัดฉ่า รวมทั้งใส่กระชายและพริกไทยอ่อน ทานกับข้าวสวยร้อนๆ เข้ากันได้ดี
สำหรับอาหารที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ทำรสชาติออกมาได้ดีมากๆ คือ กุ้งผัดผงกะหรี่ รสกำลังดีเลย แม้ว่ากุ้งจะไม่สดมากเท่าที่ควร แต่เราสามารถเปลี่ยนจากกุ้งเป็นปูแทน น่าจะดีกว่า ผัดผักบุ้งไฟแดง ก็ผัดออกมาได้น่าทานมาก ใช้ตรงส่วนยอดอ่อนๆ ทำให้ทานได้ง่าย อร่อยจริงๆ ค่ะ ใครไปแถวนั้น จะเห็นว่ามีร้านบะหมี่น่าตาน่าทาน ร้านอยู่ข้างๆ ร้านเตยร่วม ชื่อร้านนายงี้ (บะหมี่ตู้ไม้) อย่าลืมลองทานดูนะคะ น่าอร่อยทีเดียว
============================================
Restaurant Name: Teoy Ruam
Location: Bang Po, Bangkok
Price: 300 THB/Person
============================================
ชวนชิมอาหารไทยที่ร้านตะลิงปลิง
หากใครกำลังนึกถึงร้านอาหารไทยๆ อร่อยๆ สำหรับทานข้าวกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ และร้านไม่ต้องใหญ่มากนัก ราคาไม่แพง ร้านตะลิงปลิงอาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ สาขาที่เราไปทานตั้งอยู่ที่ถนนปั้น ถ้าเข้าจากถนนสีลม ร้านจะอยู่ทางขวามือ มีที่จอดรถในบริเวณร้าน สามารถจอดได้ 6-7 คัน จริงๆ แล้วร้านนี้เค้ามีอาหารฝรั่งบริการด้วย แต่เรารู้สึกเฉยๆ กับรส ซึ่งตรงกันข้ามกับอาหารไทยที่ทำรสชาติออกมาได้อร่อยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่เคยลองทานน้ำตะลิงปลิง อยากให้ลองทานดู รสคล้ายน้ำมะนาว ทานแล้วชื่นใจ
วันนี้สั่งของทานเล่นมาหลายอย่าง เมี่ยงตะลิงปลิง เป็นจานที่สาวๆ ชื่นชอบ หลายคนทานแล้วบอกว่า คล้ายกับทานไส้ข้าวเกรียบปากหม้อ แต่เค้าจะนำมาทานกับใบชะพลู แบบเมี่ยงคำ ยำปลาสลิดตะลิงปลิง ทอดปลาสลิดได้กรอบ ทำเป็นคำเล็กๆ ทำให้ทานได้ง่าย รสเปรี้ยวกำลังดี ผัดวุ้นเส้นดอกขจร ผัดมาได้แบบแห้งๆ วุ้นเส้นเข้ากันได้ดีกับดอกขจรและกุ้งสด อร่อยดีค่ะ
หลนปูเค็ม ก็ไม่น้อยหน้า รสกลมกล่อม จริงๆ แล้วตั้งใจจะสั่งหลนปลาเค็ม แต่บอกพนักงานผิดเลยได้ปูเค็มแทน แต่ก็อร่อย ไม่ผิดหวัง หลนเข้ากันได้ดีกับขมิ้นขาวและผักสดอื่นๆ ถ้าใครชอบซอสมะขาม แนะนำ ไก่ซอสมะขาม เค้าทำแบบแห้งๆ ไม่แฉะทำให้เนื้อไก่ยังกรอบอยู่ ไม่หวาน จนเกินไป ส่วนจานที่เราติดใจของวันนี้ คือ ข้าวผัดเนื้อเค็ม ข้าวผัดออกมาได้สวย เครื่องที่ผัดออกมา มีรสเผ็ดเล็กน้อย เนื้อเค็มไม่เหนียว ให้มาเยอะมาก อร่อยเด็ดมากค่ะ ส่วนอาหารฝรั่ง 2 จานที่ลองสั่งมา รสชาติเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็น Ceasar Salad และ Spaghetti Bolognese ซึ่งรสค่อนข้างจืด
ของหวานสั่งมา 2 จาน Profiteroles และ Crepe Suzette ซึ่งซอสส้มทำรสออกขมไปเล็กน้อย ส่วน Profiteroles รสชาติพอใช้ได้ค่ะ
Subscribe to:
Posts (Atom)