>> บริเวณด้านหน้าของ The Hermitage Hotel
วันนี้เราวางแผนจะไปนั่ง Helicopter เพื่อชมวิวบริเวณแถบนี้หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ อาหารเช้าที่เสริฟที่โรงแรมมีให้เลือกหลากหลายมากเนื่องจากเราเลือก Upgrade เป็น Cooked Breakfast เราจึงสามารถเลือกทานอาหารทั้งส่วนที่เป็น Cold Meat และ Hot Meal ที่เราแปลกใจมากๆ คือ อาหารเช้าที่นี่มีทั้ง Natto ข้าวญี่ปุ่น Miso Soup ผงโรยข้าวญี่ปุ่นให้เลือกรับประทานด้วย คาดว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะพักที่โรงแรมนี้เยอะ
>> ถ่ายจากห้องอาหารเช้าของ The Hermitage Hotel
>> Fireplace บริเวณ Lobby ของ The Hermitage Hotel
>> วิวของ Mount Cook บริเวณรอบๆ The Hermitage Hotel
วิวบริเวณรอบโรงแรมนี้ สวยงามเกินบรรยายเนื่องจากอยู่ในบริเวณ Aoraki/Mount Cook National Park ด้านหน้าของโรงแรมจะมีรูปปั้นของ Sir Edmund Hillary ซึ่งเป็นชาว New Zealand คนแรกที่พิชิตยอดเขา Mount Everest ที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้เคยพิชิตยอดเขาที่ Mount Cook มาแล้ว
>> วิวของ Mount Cook บริเวณรอบๆ The Hermitage Hotel
Aoraki/Mount Cook เป็นภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศ New Zealand โดยยอดที่สูงที่สุดสูงถึง 3,754 เมตร โดยตั้งอยู่ในบริเวณของ Southern Alps ซี่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศนี้
>> ถ่ายกับผู้ช่วยนักบินของ Flight ที่เราจะขึ้น Helicopter กันในวันนี้
>> ภาพนี้มองลงมาจาก Helicopter
>> กำลังจะ Landing เพื่อจอด Helicopter ให้เราลงไปเดิน
>> ถ่ายรูปกับนักบิน ดูตัวเราเล็กไปเลย
สถานที่ขึ้น Helicopter อยู่ในบริเวณ Glentanner Park โดย Flight ที่เราเลือกนั่งจะใช้เวลาสั้นที่สุดคือ 20 นาที โดย Helicopter จะลงจอดบริเวณ Zodiac Glacier ให้เราได้ลงไปเดินถ่ายรูปในบริเวณนั้น ซึ่งปกติแล้วจะต้องมีผู้โดยสารอย่างต่ำ 4 คน นักบินถึงจะทำการบินให้ แต่สงสัยว่าเค้าเองก็ไม่อยากเสียลูกค้าไป ก็เลยบินให้ทั้งๆ ที่มีแค่ 3 คน เพราะคุณพ่อไม่ยอมนั่งอีกในครั้งนี้เนื่องจากคุณพ่อเคยมานั่งที่นี่แล้ว ตอนแรกคุณแม่จะไม่ยอมนั่งแต่พวกเราก็พยายามคะยั้นคะยอให้ลองดู ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าลองทำครั้งนึงในชีวิต คุณแม่เลยยอมนั่งในที่สุด บอกตามตรงว่ากลัวมากเหมือนกันเนื่องจากตัวเองก็เป็นโรคกลัวความสูงอยู่แล้ว และเวลาที่นักบินนำ Helicopter ขึ้น น่าจะเป็นช่วงที่น่ากลัวที่สุด แต่ก็ดีใจที่ได้ลองทำดู วิวจาก Helicopter มองลงมา ก็เป็นอีกมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวที่ Mount Cook ขอแนะนำให้ลองนั่งดู
เราขับรถย้อนกลับมาทางเดิมบน HWY-80 ซึ่งด้านซ้ายมือ (ขากลับ) จะเป็นทะเลสาบ Pukaki ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจาก Tasman River ซึ่งเป็นน้ำที่ละลายมาจาก Tasman Glacier และ Hooker Glacier ที่อยู่ใกล้ๆ กับ Aoraki/Mount Cook ทำให้น้ำในทะเลสาบมีสีที่ค่อนข้างพิเศษ (distinctive blue color)
>> กำลังให้อาหารปลา Salmon อยู่ค่ะ
หลังจากนั้นเราก็ขับรถไปกันต่อเพื่อไปแวะที่ Lake Tekapo ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาแวะ โดยทะเลสาบนี้เป็นทะเลสาบที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งเช่นกัน (นอกเหนือจาก Lake Ohau และ Lake Pukaki) บริเวณข้างทะเลสาบจะมีโบสถ์ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดของ New Zealand ที่ชื่อ “Church of the Good Shepherd” โบสถ์นี้สร้างในปี 1935 และในบริเวณไม่ไกลจากโบสถ์จะมีรูปปั้นสุนัข (Sheepdog Statue) ซึ่งสร้างเป็นอนุสรณ์ ให้กับน้องหมา ซึ่งเค้าถือว่าการพัฒนาฟาร์มแถบนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าปราศจากการช่วยเหลือของน้องหมา
เมืองที่เราแวะกันเมืองสุดท้ายก่อนขับเข้า Christchurch ก็คือเมือง Geraldine ซึ่งเราได้แวะรับประทานอาหารกลางวันเบาๆ ที่ Café บริเวณนั้น เรารู้สึกว่าพายที่ร้านที่เมือง Springfield จะอร่อยกว่าร้านนี้ มื้อกลางวันไม่ได้ทานอะไรมาก อาจเพราะยังอิ่มมาจากอาหารเช้าและปลา Salmon ที่แวะทานไม่นานมานี้ จากนั้นเราก็ไม่ได้แวะที่ไหนอีกจนกระทั่งขับเข้าเมือง Christchurch
อาหารมื้อสุดท้ายของ Trip นี้ เราวางแผนจะไปทานอาหารประเภท Teppanyaki ที่ชื่อ At Tonys Japanese Restaurant ซึ่งเป็นร้านที่หาข้อมูลมาจาก Internet อีกแล้ว โดยมีคนแนะนำว่ารสชาติใช้ได้ เราไปถึงร้านค่อนข้างเร็ว ช่วงนั้นยังไม่มีลูกค้าเข้ามาเท่าไร แต่พนักงานก็แจ้งว่าวันนี้คนจองมาเกือบเต็มแล้ว เนื่องจากเราไม่ได้จองมาเราจึงไม่สามารถไปนั่งบริเวณหน้า Counter ที่เป็นที่ยอดฮิตที่คนจะชอบจองไปนั่งก่อน ไม่น่าเชื่อว่าร้านจะ Popular มากขนาดนี้ ร้านนี้ขนาดไม่ใหญ่มาก จะมีบริเวณ Counter ที่ลูกค้าสามารถนั่งดูเชฟปรุงอาหารตรงหน้าได้เลย เหมือน Counter ร้านอาหาร Teppanyaki ทั่วไป เมนูจะสามารถสั่งเป็น Set หรืออาหารจานเดี่ยว ซึ่ง Set ก็จะมาพร้อมกับข้าวและซุป น้ำจิ้มก็จะเป็นน้ำจิ้ม 3 ช่องสำหรับรับประทานกับ Teppanyaki เราลองสั่งทั้งเนื้อและ Seafood ปรากฏว่า อร่อยทุกอย่างเลย ข้าวผัดกระเทียมก็รสชาติดี การย่างทำได้กำลังดี ไม่ overcooked เพราะฉะนั้นเนื้อกุ้งจะออกมารสชาติยังหวานอยู่ เนื้อก็นุ่มมาก ทีเด็ดของร้านนี้น่าจะเป็นที่น้ำจิ้ม เป็นร้านที่ประทับใจอีกร้านนึงของ Trip นี้
No comments:
Post a Comment