Family Trip@New Zealand DAY 10

DAY 10: April 20, 2008 (Sun)


>> บริเวณด้านหน้าของ The Hermitage Hotel

วันนี้เราวางแผนจะไปนั่ง Helicopter เพื่อชมวิวบริเวณแถบนี้หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ อาหารเช้าที่เสริฟที่โรงแรมมีให้เลือกหลากหลายมากเนื่องจากเราเลือก Upgrade เป็น Cooked Breakfast เราจึงสามารถเลือกทานอาหารทั้งส่วนที่เป็น Cold Meat และ Hot Meal ที่เราแปลกใจมากๆ คือ อาหารเช้าที่นี่มีทั้ง Natto ข้าวญี่ปุ่น Miso Soup ผงโรยข้าวญี่ปุ่นให้เลือกรับประทานด้วย คาดว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะพักที่โรงแรมนี้เยอะ

>> ถ่ายจากห้องอาหารเช้าของ The Hermitage Hotel

>> Fireplace บริเวณ Lobby ของ The Hermitage Hotel

>> วิวของ Mount Cook บริเวณรอบๆ The Hermitage Hotel

วิวบริเวณรอบโรงแรมนี้ สวยงามเกินบรรยายเนื่องจากอยู่ในบริเวณ Aoraki/Mount Cook National Park ด้านหน้าของโรงแรมจะมีรูปปั้นของ Sir Edmund Hillary ซึ่งเป็นชาว New Zealand คนแรกที่พิชิตยอดเขา Mount Everest ที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้เคยพิชิตยอดเขาที่ Mount Cook มาแล้ว


>> วิวของ Mount Cook บริเวณรอบๆ The Hermitage Hotel

Aoraki/Mount Cook เป็นภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศ New Zealand โดยยอดที่สูงที่สุดสูงถึง 3,754 เมตร โดยตั้งอยู่ในบริเวณของ Southern Alps ซี่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศนี้


>> ถ่ายกับผู้ช่วยนักบินของ Flight ที่เราจะขึ้น Helicopter กันในวันนี้


>> ภาพนี้มองลงมาจาก Helicopter

>> ภาพถ่ายจาก Helicopter

>> กำลังจะ Landing เพื่อจอด Helicopter ให้เราลงไปเดิน


>> ถ่ายรูปกับคุณแม่และพี่สาว

>> ถ่ายรูปกับนักบิน ดูตัวเราเล็กไปเลย


สถานที่ขึ้น Helicopter อยู่ในบริเวณ Glentanner Park โดย Flight ที่เราเลือกนั่งจะใช้เวลาสั้นที่สุดคือ 20 นาที โดย Helicopter จะลงจอดบริเวณ Zodiac Glacier ให้เราได้ลงไปเดินถ่ายรูปในบริเวณนั้น ซึ่งปกติแล้วจะต้องมีผู้โดยสารอย่างต่ำ 4 คน นักบินถึงจะทำการบินให้ แต่สงสัยว่าเค้าเองก็ไม่อยากเสียลูกค้าไป ก็เลยบินให้ทั้งๆ ที่มีแค่ 3 คน เพราะคุณพ่อไม่ยอมนั่งอีกในครั้งนี้เนื่องจากคุณพ่อเคยมานั่งที่นี่แล้ว ตอนแรกคุณแม่จะไม่ยอมนั่งแต่พวกเราก็พยายามคะยั้นคะยอให้ลองดู ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าลองทำครั้งนึงในชีวิต คุณแม่เลยยอมนั่งในที่สุด บอกตามตรงว่ากลัวมากเหมือนกันเนื่องจากตัวเองก็เป็นโรคกลัวความสูงอยู่แล้ว และเวลาที่นักบินนำ Helicopter ขึ้น น่าจะเป็นช่วงที่น่ากลัวที่สุด แต่ก็ดีใจที่ได้ลองทำดู วิวจาก Helicopter มองลงมา ก็เป็นอีกมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวที่ Mount Cook ขอแนะนำให้ลองนั่งดู

เราขับรถย้อนกลับมาทางเดิมบน HWY-80 ซึ่งด้านซ้ายมือ (ขากลับ) จะเป็นทะเลสาบ Pukaki ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจาก Tasman River ซึ่งเป็นน้ำที่ละลายมาจาก Tasman Glacier และ Hooker Glacier ที่อยู่ใกล้ๆ กับ Aoraki/Mount Cook ทำให้น้ำในทะเลสาบมีสีที่ค่อนข้างพิเศษ (distinctive blue color)


>> บริเวณรอบๆ ของ Mount Cook Alpine Salmon Farm

>> กำลังให้อาหารปลา Salmon อยู่ค่ะ

>> ปลา Salmon แย่งกันกินอาหาร ดูจากน้ำที่แตกกระจาย

>> ในบ่อนี้มีปลา Salmon ตัวอ้วนๆ เต็มไปหมด

>> ที่ Farm มีปลา Salmon สดๆ ให้เลือกซื้อหลายแบบ รวมทั้ง Sashimi ที่แล่กันสดๆ

>> High Quality Grade Sashimi ปลาสด รสชาติอร่อย

>> ถ่ายรูปป้ายพร้อมราคามาให้ดูกันค่ะ

จาก HWY-80 เราขับต่อไปทาง HWY-8 East ที่จะไปทาง Lake Tekapo เราแวะที่ Mount Cook Alpine Salmon ซึ่งเป็น Farm ปลา Salmon ที่ใช้น้ำจากทะเลสาบ Pukaki นั่นเอง ที่นี่เราจะสามารถเดินชมฟาร์ม ซึ่งเจ้าของก็จะมีอาหารปลาขาย สำหรับให้นักท่องเที่ยวซื้อไปเลี้ยงปลาในฟาร์ม (เข้าใจคิดจริงๆ) อีกทั้งมีเนื้อปลา Salmon สดๆ ขายด้วย มาเที่ยวครั้งนี้เราก็เตรียม Wasabi กับ Soy Sauce ติดมาด้วยเพราะกลัวว่าถ้าจะมาแวะชิมปลา Salmon ดิบ น่าจะต้องจิ้มกับอะไรนิดนึง แต่ปรากฎว่าที่ร้านเค้ามี Wasabi กับ Soy Sauce ขายอีกต่างหาก ราคาก็ไม่ได้แพงมาก ถ้ารู้อย่างงี้คงไม่ขนเอามาด้วยจากเมืองไทย ปลา Salmon สดมากๆ เพราะเป็นปลาที่จับมาจากฟาร์มโดยตรง เนื้อปลาก็รสหวานมากๆ


>> Church of the Good Shepherd

>> อีกฝั่งของ Church of the Good Shepherd คนมาเที่ยวที่นี่เยอะมากๆ

>> Lake Takepo ใกล้ๆ กับ Church of the Good Shepherd

>> Sheepdog Statue

หลังจากนั้นเราก็ขับรถไปกันต่อเพื่อไปแวะที่ Lake Tekapo ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาแวะ โดยทะเลสาบนี้เป็นทะเลสาบที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งเช่นกัน (นอกเหนือจาก Lake Ohau และ Lake Pukaki) บริเวณข้างทะเลสาบจะมีโบสถ์ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดของ New Zealand ที่ชื่อ “Church of the Good Shepherd” โบสถ์นี้สร้างในปี 1935 และในบริเวณไม่ไกลจากโบสถ์จะมีรูปปั้นสุนัข (Sheepdog Statue) ซึ่งสร้างเป็นอนุสรณ์ ให้กับน้องหมา ซึ่งเค้าถือว่าการพัฒนาฟาร์มแถบนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าปราศจากการช่วยเหลือของน้องหมา

เมืองที่เราแวะกันเมืองสุดท้ายก่อนขับเข้า Christchurch ก็คือเมือง Geraldine ซึ่งเราได้แวะรับประทานอาหารกลางวันเบาๆ ที่ Café บริเวณนั้น เรารู้สึกว่าพายที่ร้านที่เมือง Springfield จะอร่อยกว่าร้านนี้ มื้อกลางวันไม่ได้ทานอะไรมาก อาจเพราะยังอิ่มมาจากอาหารเช้าและปลา Salmon ที่แวะทานไม่นานมานี้ จากนั้นเราก็ไม่ได้แวะที่ไหนอีกจนกระทั่งขับเข้าเมือง Christchurch



>> บริเวณ Park ในเมือง Christchurch
>> ข้างหลังคือ Avon River



เนื่องจากที่พักคืนนี้อยู่ออกไปจากตัวเมือง ใกล้ๆ กับ Airport ซึ่งเราจะขึ้นเครื่องบินช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น อีกทั้งเราถึง Christchurch เร็วกว่าที่คาดไว้ เลยพอมีเวลาไปเดินเล่นในบริเวณ Park ใกล้ๆ กับแม่น้ำเอวอน เพื่อรอเวลาทานอาหารมื้อเย็นก่อนที่จะเข้าที่พักของคืนนี้

อาหารมื้อสุดท้ายของ Trip นี้ เราวางแผนจะไปทานอาหารประเภท Teppanyaki ที่ชื่อ At Tonys Japanese Restaurant ซึ่งเป็นร้านที่หาข้อมูลมาจาก Internet อีกแล้ว โดยมีคนแนะนำว่ารสชาติใช้ได้ เราไปถึงร้านค่อนข้างเร็ว ช่วงนั้นยังไม่มีลูกค้าเข้ามาเท่าไร แต่พนักงานก็แจ้งว่าวันนี้คนจองมาเกือบเต็มแล้ว เนื่องจากเราไม่ได้จองมาเราจึงไม่สามารถไปนั่งบริเวณหน้า Counter ที่เป็นที่ยอดฮิตที่คนจะชอบจองไปนั่งก่อน ไม่น่าเชื่อว่าร้านจะ Popular มากขนาดนี้ ร้านนี้ขนาดไม่ใหญ่มาก จะมีบริเวณ Counter ที่ลูกค้าสามารถนั่งดูเชฟปรุงอาหารตรงหน้าได้เลย เหมือน Counter ร้านอาหาร Teppanyaki ทั่วไป เมนูจะสามารถสั่งเป็น Set หรืออาหารจานเดี่ยว ซึ่ง Set ก็จะมาพร้อมกับข้าวและซุป น้ำจิ้มก็จะเป็นน้ำจิ้ม 3 ช่องสำหรับรับประทานกับ Teppanyaki เราลองสั่งทั้งเนื้อและ Seafood ปรากฏว่า อร่อยทุกอย่างเลย ข้าวผัดกระเทียมก็รสชาติดี การย่างทำได้กำลังดี ไม่ overcooked เพราะฉะนั้นเนื้อกุ้งจะออกมารสชาติยังหวานอยู่ เนื้อก็นุ่มมาก ทีเด็ดของร้านนี้น่าจะเป็นที่น้ำจิ้ม เป็นร้านที่ประทับใจอีกร้านนึงของ Trip นี้

No comments:

Post a Comment