DAY 3: April 13, 2008 (Sun)
วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าเนื่องจากต้องทำเวลากันพอสมควร เพราะว่าวันนี้เราจะต้องขับรถไปให้ถึงเมือง Rotorua ในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยระหว่างทางเราแวะกันที่ Waitomo Cave ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนนิยมมาดูหนอนเรืองแสงหรือที่เรียกว่า Glowworm
>> บริเวณทางเข้า Waitomo Glowworm Caves
นอกเหนือจาก Glowworm แล้วก็ยังมีถ้ำที่เป็นหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลกๆ ให้ชม โดยสามารถที่จะเลือกซื้อบัตรเข้าชมเฉพาะอย่างหรือเลือกซื้อเป็น Combo ถ้าตั้งใจจะดูมากกว่า 1 อย่าง ซึ่งราคาจะถูกกว่าซื้อเพื่อเข้าชมสถานที่เดียว แต่เนื่องจากเรามีเวลาจำกัดเราจึงเลือกแวะชม Glowworm เพียงอย่างเดียว บริเวณทางเข้าหลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อย จะมี Guide มาคอยดูแลคณะของเราซึ่งเราก็จะไป join กับนักท่องเที่ยวอีก 4-5 คน โดย Guide ก็จะบรรยายถึงรายละเอียดความเป็นมาของสถานที่ รวมทั้งนำชมจุดต่างๆ ที่น่าสนใจภายในถ้ำ โดยมี Highlight คือการนั่งเรือตอนจะออกมาจากถ้ำ (ทางเข้ากับทางออกคนละทางกัน) ซึ่งเมื่อคุณแหงนหน้าขึ้นมองเพดานถ้ำด้านบนและผนังโดยรอบจะเห็นหนอนเรืองแสงจำนวนมหาศาลเหมือนเงยหน้าดูดวงดาวบนท้องฟ้า สวยงามมาก ระยะเวลาเข้าชมอยู่ที่ 45 นาทีโดยประมาณ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปบริเวณในถ้ำ เลยไม่มีรูปมาให้ชมกัน มีแต่รูปที่ถ่ายบริเวณทางเข้าและรอบๆ เท่านั้น
>> เสาแกะสลักบริเวณทางเข้า Waitomo Glowworm Caves
หลังจากนั้นเราก็ขับรถกันต่อเพื่อไปยังจุดหมายของวันนี้ ซึ่งก็คือเมือง Rotorua โดยเราจะแวะกันที่ Wai-O-Tapu Thermal Wonderland ซึ่งเป็น Highlight ของการมาเที่ยวที่เมือง Rotorua Wai-O-Tapu คือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ บ่อโคลนเดือด และน้ำพุร้อนธรรมชาติ จริงๆ แล้วตั้งใจอยากจะมาดู Geyser ตามคำขอของคุณพ่อเพราะครั้งที่คุณพ่อมา New Zealand รอบที่แล้วก็ยังไม่ได้มาดู Geyser เลย น่าเสียดายที่เราไม่สามารถมาทันเวลาที่จะเข้าชม Lady Knox Geyser โดย Geyser นี้จะ erupt ทุกๆ วัน ที่เวลา 10:15 a.m.โดยประมาณ แต่ไม่เป็นไรเพราะบริเวณรอบๆ สถานที่นี้ก็มีจุดที่น่าสนใจหลายๆ แห่งให้ชมกัน เช่น Champagne Pool ซึ่งมีสีสันที่แปลกตา หรือจะเป็น Mud Pool ที่มีฟองโคลนเดือดปุดๆ อยู่ด้านล่าง เป็นต้น จุดถ่ายรูปที่ชอบที่สุดของที่นี่เห็นจะเป็น Silica Terrace Crossing ซึ่งเป็นสะพานไม้ยาวๆ เพื่อเดินข้าม Champagne Pool และก็จุดสุดท้ายก่อนที่จะกลับมายังจุดตั้งต้น ที่เรียกว่า Devil’s Bath เป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ที่เป็นน้ำส่วนเกินที่ไหลมากจาก Champagne Pool ผสมกับ sulphur และ ferrous salts ออกมาเป็นสีเขียว ซึ่งเป็นสีที่สวยมากๆ
>> Champagne Pool, Wai-O-Tapu Thermal Wonderland
>> ป้าย Wai-O-Tapu Thermal Wonderland พร้อมคำบรรยาย
>> Devil's Bath, Wai-O-Tapu Thermal Wonderland
>> ถ่ายรูปกับคุณพ่อและคุณแม่ที่ Selica Terrace Crossing, Wai-O-Tapu Thermal Wonderland
การเดินชมสถานที่ แบ่งออกเป็น 3 Walk โดย Walk 1 มีระยะทาง 1.5 km จะใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที Walk 2 มีระยะทาง 2 km จะใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที และ Walk 3 มีระยะทางมากที่สุดคือ 3 km และจะใช้เวลาเดินถึง 75 นาที เราเลือกเดิน Walk 2 เพราะมากับคุณพ่อ คุณแม่ และยังเป็นวันแรกๆ ของ Trip อีกด้วย ยังเหลือที่ต้องเดินอีกเยอะสำหรับวันหลังๆ จริงๆ แล้ว แค่ Walk 2 ก็รู้สึกว่าคุ้มกับที่ใช้เวลาขับรถมาไกลจาก Auckland แล้ว
วันนี้มื้อค่ำเราเปลี่ยนไปทานอาหารฝรั่งบ้าง ร้านนี้ชื่อ Freos Café อยู่ไม่ไกลจากที่พักคืนนี้ (Novotel Rotorua Lakeside) ร้านค่อนข้างเงียบ ที่ติดใจก็คือ New Zealand Mussel Soup รสชาติใช้ได้เลย หอยแมลงภู่สดมากๆ ตัวใหญ่อวบอ้วนมาในซุปมะเขือเทศ เสริฟพร้อมขนมปังร้อนๆ แต่คุณแม่ไม่ค่อยชอบรับประทานอาหารฝรั่งเท่าไร (ยกเว้น Hamburger) สงสัยมื้อหน้าคงต้องหาร้านอาหารจีนหรืออาหารไทยแทน
No comments:
Post a Comment