Family Trip@New Zealand DAY 1-2

DAY 1-2: April 11-12, 2008 (Sat)

หลังจากนั่งเครื่องจากกรุงเทพมาเกือบ 11 ชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายของการท่องเที่ยวในครั้งนี้ New Zealand ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องธรรมชาติที่งดงาม คนที่มาเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่ก็นิยมที่จะเช่ารถขับเองมากกว่าเนื่องจากเราสามารถวางแผนการท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับความต้องการของเราเอง และยังสามารถที่จะใช้เวลาถ่ายรูปกับธรรมชาติเหล่านี้ได้อย่างต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไรจะถึงเวลานัดเพื่อรีบขึ้นรถไปยังจุดหมายถัดไป ซึ่งเครื่องของการบินไทยซึ่งบินออกจากกรุงเทพนั้น จะลงจอดที่เมือง Auckland ซึ่งอยู่บนเกาะเหนือเท่านั้น ไม่มี Direct Flight จากกรุงเทพไปเกาะใต้ แต่ถ้าคุณวางแผนที่จะเที่ยวทั้งเกาะเหนือและเกาะใต้ก็สามารถทำได้ไม่ยาก โดยสามารถจะใช้วิธีนั่งเรือ Ferry หรือจะนั่งแครื่องบินในประเทศจากเกาะเหนือมาที่เกาะใต้ก็ได้

สำหรับการเที่ยวในครั้งนี้ คณะเรามีทั้งหมด 4 คน และแต่ละคนก็มีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่คนละ 1 ใบ ยังไม่รวม Carry on luggage อีกคนละ 1 ใบ เราจึงตัดสินใจเช่ารถ SUV ซึ่งน่าจะสามารถ fit กระเป๋าทั้งหมดได้ ซึ่งก็เป็นดังคาด…พอดีเป๊ะ ขนาดว่าเราต้องมีการซ้อมกันก่อนเดินทาง โชคดีที่รถบ้านเราส่วนใหญ่จะเป็นรถ SUV เลยกะขนาดได้ใกล้เคียงกับรถที่เราเช่าในทริปนี้ ถึงแม้ว่าครอบครัวเราจะมั่นใจในฝีมือการดูแผนที่พอสมควร แต่ก็คิดว่าควรจะเช่า Navigator ติดไว้เผื่อเกิดหลงทาง นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากเนื่องจากการขับรถเมื่อเข้าเขต City นั้น ต้องขอบอกว่ายากมากๆ ในการดูแผนที่เนื่องจากถนนบางสายหาไม่เจอในแผนที่ อีกทั้งแผนที่ที่เราไปขอมาจาก i-SITE ก็ไม่ได้มีรายละเอียดชื่อถนนทุกๆ เมืองที่เราไป และถนนหลายๆ สายในเมืองใหญ่อย่าง Auckland และ Christchurch ก็เป็น One-Way อีกด้วย

เนื่องจากรัฐบาลของ New Zealand ให้การสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวอย่างมาก ทำให้มีข้อมูลมากมายที่นักท่องเที่ยวสามารถทำการค้นคว้าได้ด้วยตัวเอง และเกือบทุกเมืองจะมี i-SITE ตั้งอยู่ i-SITE ก็คือ Visitor Center ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปขอคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนั้นๆ รวมทั้งขอ Route Map สำหรับการขับรถ ถ้าคุณวางแผนจะไปล่องเรือหรือขึ้น Helicopter ก็สามารถให้เจ้าหน้าที่ที่นี่โทรจองให้ได้เช่นกัน โดยที่ไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม สะดวกมากจริงๆ

>> วิวเมือง Auckland มองลงมาจาก One Tree Hill

>> วิวเมือง Auckland อีกมุมหนึ่ง มองลงมาจาก One Tree Hill เช่นกัน

ในวันแรก เนื่องจากเรามีเวลาเที่ยวแค่ช่วงบ่าย เราจึงตั้งใจว่าจะไปดูวิวของเมือง Auckland ที่ One Tree Hill และ Mount Eden ก่อนที่จะ Check-in เข้าโรงแรม One Tree Hill หรือที่เรียกว่า Maungakiekie ในภาษาท้องถิ่นของชาว Maori นับเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดของ Auckland ซึ่งเคยประทุเมื่อ 20,000-30,000 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันดับไปแล้ว และถ้าคุณขึ้นไปยืนบริเวณจุดที่สูงที่สุด จะสามารถมองเห็นทุ่งหญ้าบริเวณรอบๆ ที่เต็มไปด้วยฝูงน้องแกะตัวอ้วนๆ และเมือง Auckland ที่อยู่บริเวณด้านล่าง One Tree Hill ตั้งอยู่ในบริเวณ Park ที่ชื่อว่า Cornwall Park ซึ่งแต่ดั้งเดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นของ Sir John Logan Campbell ที่ตั้งของเสาซึ่งอยู่บนเนิน เป็นสุสานของ Sir John Logan Campbell ซึ่งจะมีรูปปั้นของ Sir John สร้างอยู่บริเวณใกล้ๆ


>> รูปนี้ถ่ายกับคุณพ่อที่เสาบริเวณ One Tree Hill

>> บริเวณรอบๆ One Tree Hill

Mount Eden หรือ Maungawhau ในภาษา Maori แปลว่า Mountain of the Whau Tree เคยเป็นบริเวณที่ตั้งของภูเขาไฟมาก่อน โดยครั้งสุดท้ายที่ระเบิดคือเมื่อประมาณ 60,000 ปีที่ผ่านมา และเนื่องจากในอดีตภูเขาไฟนี้เคยระเบิดหลายครั้ง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ Mount Eden ถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดโดยธรรมชาติของเมือง Auckland ถ้ามองจาก Mount Eden ลงไปด้านล่างจะสามารถเห็นเมือง Auckland ได้โดยรอบและสามารถมองเห็น One Tree Hill อยู่อีกฝั่งหนึ่ง


>> มองจาก Mount Eden, Auckland จะเห็น Sky Tower อยู่ลิบๆ

>> Mount Eden, Auckland

น่าเสียดายที่อากาศวันนี้ไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควรมีฝนตกปรอยๆ ทำให้รูปที่ออกมายังไม่ค่อยถูกใจเท่าไร ไม่เป็นไรไว้ค่อยกลับมาเที่ยวอีกครั้งถ้ามีโอกาส หลังจากแวะชมวิวไป 2 แห่ง เราก็รู้สึกหิวกันขึ้นมา เนื่องจากว่ายังไม่ได้ทานอะไรเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่ลงจากเครื่อง อาจเพราะเวลาที่เร็วกว่าเมืองไทยถึง 6 ชั่วโมงเลยยังไม่ค่อยอยากทานมื้อกลางวันกันในตอนแรก ร้านแรกของ Trip นี้เป็นร้านอาหารจีนซึ่งมีเพื่อนแนะนำมาว่าอร่อยมากอย่าลืมแวะทานให้ได้ ครอบครัวเราก็ชอบรับประทานของอร่อยอยู่แล้ว จะพลาดได้อย่างไร น่าเสียดายที่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอาหารใน trip นี้ เลยไม่มีรูปมาให้ชมกันครบทุกร้าน ร้านนี้ชื่อว่า Canton Café เป็นร้านอาหารจีน Cantonese Style จานแรกเป็น Veal ซึ่งนำมาผัดกับ Special Sauce ทำได้นุ่มมากๆ ผัดผักก็รสชาติใช้ได้ กู้งผัด Sauce ก็รสชาติดีแต่กินยากไปนิดนึง เนื่องจากเราสั่ง With Shell ยังมีรายการบน Menu อีกหลายรายการที่น่าสนใจแต่คงต้องมีคนมาร่วมรับประทานจำนวนมากกว่านี้ เราสั่งไปประมาณ 4 จาน ยังทานกันไม่หมดเลย ไม่ใช่ว่าอาหารไม่อร่อยแต่เนื่องจาก Portion ค่อนข้างใหญ่ ก็เลยต้องขอ To-Go กลับไป



>> ห้องพักที่ Crown Plaza Hotel, Auckland

หลังจากที่ check-in เข้าที่พักเรียบร้อย เราก็ออกมาชมวิวตอนกลางคืนต่อที่ Sky Tower ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก (Crown Plaza Hotel) สามารถเดินมาได้ไม่จำเป็นต้องขับรถ ค่าขึ้นชมบน Sky Tower ราคา 25 NZ Dollars ต่อคน โดยต้องเสียเงินเพิ่มอีก 3 NZ Dollars ต่อคนถ้าต้องการขึ้นไปชมบน Higher Level แต่ก็นับว่าคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป เพราะบนนี้สามารถเห็นวิวของเมือง Auckland ได้แบบ 360 Degrees จริงๆ แล้วก็คล้ายๆ กับ CN Tower ที่ Toronto แต่ที่ CN Tower จะมีกระจกตรงบริเวณพื้นที่คุณสามารถไปยืนบนนั้นแล้วมองลงไปด้านล่างให้ความรู้สึกหวาดเสียวมากๆ ที่นี่มีกิจกรรมชนิดนึงที่เรียกว่า Sky Jump ซึ่งเค้าจะผูกเราไว้กับเชือกสลิง และเราก็จะ Jump ลงมากจากบริเวณที่เค้าเตรียมไว้ ซึ่งถ้าใครไม่กลัวความสูงขอแนะนำให้ลองเล่นดู หรือถ้าจะตื่นเต้นน้อยลงมาหน่อยก็จะเป็น Sky Walk ที่จะผูกตัวเรากับเชือก ซึ่งเชือกก็จะติดอยู่กับคานเหล็กวงกลมด้านบน และเค้าก็จะให้เราเดินบริเวณขอบๆ ของยอดโดม
>> Sky Tower, Auckland ที่อยู่ในรูป นั่นก็คือ นักท่องเที่ยวกำลังเล่น Sky Jump อยู่

>> วิวเมือง Auckland มองลงมาจาก Sky Tower ฝั่งทางด้านที่ติดกับทะเล

>> วิวเมือง Auckland มองลงมาจาก Sky Tower อีกฝั่งหนึ่ง
ช่วงที่เรากำลังถ่ายรูปวิวกันอยู่ บังเอิญว่าเห็นมีคนกำลังเล่น Sky Jump อยู่ เลยรีบถ่ายรูปมาให้ดูกันว่าของจริงน่าหวาดเสียวขนาดไหน

No comments:

Post a Comment