DAY 9: April 19, 2008 (Sat)>> Lake Wakatipu ซึ่งจะเป็นทะเลสาบที่เราจะล่องเรือกันในเช้าวันนี้
>> เรือที่เห็นจอดอยู่ไกลๆ คือ TSS Earnslaw ในทะเลสาบมีน้องเป็ดว่ายอยู่หลายตัว
>> ถ่ายจากฝั่งระหว่างเดินไป Steamer Wharf
เช้าวันนี้ เราพอมีเวลาเหลือก่อนที่จะไปล่องเรือกลไฟโบราณ (TSS Earnslaw) ช่วงเช้าวันนี้ ที่ขึ้นเรือวันนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก สามารถเดินไปได้ แต่ถ้าเป็นช่วงที่ไม่ใช่หน้าหนาวน่าจะเดินง่ายกว่านี้ ในบริเวณไม่ไกลจากที่ขึ้นเรือ (Steamer Wharf) จะมี Flea Market ซึ่งมีของขายหลายประเภท น่าจะมีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ สำหรับการล่องเรือวันนี้จะล่องในทะเลสาบ Wakatipu โดยเรือจะวิ่งไปจนสุดที่ Walter Peak High Country Farm แล้ววกกลับมายังที่จุดเริ่มต้น ระยะเวลาล่องเรือทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่ Walter Peak เองก็มีกิจกรรมมากมายให้ทำ เช่น ชมการแสดงสุนัขต้อนแกะ การตัดขนแกะ รวมทั้งสามารถเลือกรับประทานอาหารในสไตล์ Barbecue เป็นต้น เนื่องจากวันนี้เราวางแผนจะขับรถไปค้างคืนที่ Mount Cook จึงทำได้แค่ล่องเรือในช่วงเช้า
>> บริเวณเครื่องจักรของ TSS Earnslaw ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปดูได้ใกล้ๆ
>> มีคำอธิบายบอกไว้ว่าเรือลำนี้ขับเคลื่อนโดยเครื่องจักรคู่ (Twin Screw Steamer)>> ที่เห็นเป็นรูปวาดอยู่สองฝั่ง เป็นคำอธิบายการทำงานของเครื่องจักร >> ช่วงที่ไปยังไม่ค่อยมีคน เลยสามารถถ่ายรูปกับ TSS Earnslaw โดยไม่มีคนอื่นเป็นฉากประกอบ
TSS Earnslaw เป็นเรือกลไฟลำสุดท้ายที่เหลือจากหลายลำที่เคยแล่นอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ โดยเริ่มใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 1912 มีความยาวโดยประมาณ 168 ฟุต ความกว้าง 24 ฟุต เรือลำนี้รู้จักกันในนาม “Lady of the Lake” และขับเคลื่อนโดยเครื่องจักรคู่ (Twin Screw Steamer) ซึ่งมีกำลังขับ 500 แรงม้า รวมทั้งยังคงใช้หลังงานไอน้ำจากถ่านหินดั้งเดิม ซึ่งผู้โดยสารสามารถเดินชมการทำงานของเครื่องจักรได้อย่างใกล้ชิดจากบริเวณทางเดิน
บนเรือมีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย รวมทั้งห้องน้ำที่สะอาดใช้ได้ทีเดียว เราติดใจ Cheese Puff ที่ขายบนเรือ ซึ่งจุดเด่นของ Cheese Puff นี้คือ เนื้อแป้งที่นุ่ม รสชาติกำลังดี ไม่หวาน ได้รสของ Cheese ที่รสเข้มข้น ต่างจาก Cheese Puff ที่เคยทานมา โดยเค้าจะเสริฟมาร้อนๆ พร้อมกับเนย เวลารับประทานเราก็ผ่าขนมเป็น 2 ซีก และฝานเนยบางๆ วางไปบนขนม รอให้เนยละลายเล็กน้อยแล้วค่อยรับประทาน อร่อยสุดยอดมากๆ น่าเสียดายที่ไม่ได้ซื้อติดมาด้วย เนื่องจากคิดว่ามันคงเป็นขนมที่สามารถหาซื้อได้ตามร้าน Café ทั่วๆ ไป แต่เราก็ยังหา Cheese Puff ที่รสชาติเหมือนกับที่ขายบนเรือไม่เจอ
>> บริเวณด้านหน้าของ Walter Peak High Country Farm >> ที่เห็นเป็นแนวภูเขายาวๆ คือ The Remarkables Ranges >> อีกมุมของ Walter Peak High Country Farm
>> บ้านเรือนบริเวณรอบๆ Lake Wakatipu
โดยส่วนใหญ่ผู้โดยสารจะมาเที่ยวที่ Walter Peak ดังนั้นช่วงขากลับ เราจึงสามารถถ่ายรูปกันได้แบบสบายๆ ที่นั่งก็มีเหลือให้เลือกนั่งตามใจชอบ ไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่นๆ เราสามารชื่นชมวิวบริเวณรอบๆ ทะเลสาบ Wakatipu ยามใบไม้เปลี่ยนสี เป็นวิวที่สวยมากเนื่องจากเราจะสามารถเห็น The Remarkables Ranges เป็นฉากอยู่ด้านหลัง
>> ไม่ได้ถ่ายรูปกับ Kiwi ตัวจริง เลยถ่ายคู่กับ Giant Kiwi แทน
หลังจากล่องเรือเสร็จ เราแวะกลับไปที่ Kiwi Birdlife Park ซึ่งเราไม่ได้ชมกันเมื่อวานนี้ แต่หลังจากที่สอบถามรายละเอียดค่าเข้าชม รวมทั้งระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเดินชม เราก็เปลี่ยนใจว่าเราคงจะไม่ดู Live Kiwi ที่ตั้งใจจะดูในตอนแรก เนื่องจากเราต้องแวะสถานที่อื่นๆ อีกหลายที่
>> Shotover River Canyons ซึ่งจะเป็นที่เล่น Shotover Jet จะเห็นว่าแม่น้ำตื้นมากๆ
ขับออกมาจาก Queenstown เราขับไปทาง Gorge Road เพื่อไปแวะสถานที่สำหรับเล่น Shotover Jet โดยจะเล่นในบริเวณ Shotover River Canyons ซึ่งเป็นแม่น้ำระหว่างช่องเขาที่คดเคี้ยวไปมา น่าจะตื่นเต้นกว่าการเล่น Shotover บริเวณที่เป็นแม่น้ำเปิดหรือทะเลสาบกว้างๆ เรือถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้สามารถวิ่งได้บนน้ำที่ลึกเพียง 10 cm ที่ความเร็วถึง 85 km per hour และสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ถึง 14 คนในลำเดียวกัน
น่าเสียดายที่ฝนตกตอนที่เราไปถึง จริงๆ แล้วเค้าก็ยังคงเปิดทำการเป็นปกติแต่อากาศหนาวมากๆ เราก็เลยคิดว่าเอาไว้มาเล่นรอบหน้าละกัน ถ้ามีโอกาสกลับมาเที่ยวที่นี่อีก คุณพ่อเล่าให้ฟังว่าเคยมาลองเล่นที่นี่แล้ว สนุกมากๆ แต่ก็ตื่นเต้นทีเดียว
>> หน้าร้าน Arrow Thai Foods ในเมือง Arrowtown >> จานนี้น่าจะเป็นลาบไก่
>> จานนี้เป็นผัดกระเพราไก่ค่ะ
>> จานนี้เป็นผัดกระเพราเนื้อค่ะ
>> ไม่ต้องบอกน่าจะเดาได้ค่ะ ของชอบของทุกคน ไขเจียวหมูสับ (ราคาจานละ 300 บาท)>> เต้าหู้ทรงเครื่อง ดูไม่เหมือนกับเต้าหู้ทรงเครื่องที่เคยทาน แต่รสชาติใช้ได้เลยค่ะ
ขับรถออกมาจากเมือง Queenstown เราตั้งใจจะแวะพักทานอาหารกลางวันกันที่เมือง Arrowtown ซึ่งเราติดใจ Hamburger ที่ลองชิมครั้งที่มาแวะในตอนแรก แต่น่าเสียดายที่ร้านปิด เราก็เลยเปลี่ยนไปอุดหนุนคนไทยที่ร้านอาหารไทยในบริเวณใกล้ๆ กันที่มีชื่อเรียกว่า Arrow Thai Foods ร้านนี้มีทั้งส่วนที่เป็นที่นั่งด้านนอก เหมาะสำหรับนั่งรับลมในช่วงอากาศสบายๆ แต่วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวเราเลยเลือกที่จะนั่งข้างในร้าน เราสั่งอาหารไทยแบบง่ายๆ เช่น ผัดกระเพรา ผัดผัก เต้าหู้ทรงเครื่อง ไขเจียว เป็นต้น ซึ่งรสชาติทำออกมาได้ Authentic ไม่ผิดเพี้ยนจากรสชาติที่ควรจะเป็น เนื่องจากพ่อครัวร้านนี้เป็นคนไทย ดังนั้นจึงปรุงรสชาติได้ถูกใจคนไทยด้วยกัน อีกอย่างเราไม่ได้ทานอาหารไทยมาหลายมื้อแล้ว เพราะตั้งแต่ไปเจอร้านอาหารไทยที่ไม่อร่อยในเมือง Wanaka เลยไม่ค่อยกล้าเข้าร้านอาหารไทยเท่าไร แต่ร้านนี้ทำรสชาติออกมาได้ดี
>> Lindis Pass อยู่ระหว่างทางไปเมือง Twizel
จากเมือง Arrowtown ก็จะผ่านเมือง Cromwell ซึ่งเป็นเส้นทางเดิมกับขาไป จนกระทั่งจะถึงทางที่แยกไปทาง HWY-8 โดยเราจะขับไปทาง HWY-8 ที่จะผ่าน Lindis Pass ซึ่งจะต้องขับไปตามช่องแคบของหุบเขา ทางค่อนข้างชัน หลังจากนั้นก็จะถึงเมือง Omarama และ Twizel ตามลำดับ แรกสุดเราตั้งใจจะหาที่พักที่ Twizel แต่ไม่ค่อยมีโรงแรมให้เลือกมากมายในเมืองนี้เนื่องจากเป็นเมืองเล็ก ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนไปพักที่ Mount Cook แทน ทางไป Mount Cook จะต้องขับขึ้นไปตาม HWY-80 ซึ่งจะเป็นทางแยกออกไปจาก HWY-8
เราแวะกันที่ Twizel เพื่อเติมน้ำมันและซื้อของที่ Supermarket ก่อนที่จะขับรถต่อไปที่โรงแรมที่พักของคืนนี้ เราจะพักกันที่ The Hermitage ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของ Mount Cook ที่โรงแรมนี้จะมีที่พัก 3 ประเภทหลักๆ คือ Hotel Motel และ Chalet โดยส่วนที่เป็น Motel และ Chalet จะแยกอยู่อีกบริเวณหนึ่งซึ่งเหมาะสำหรับมาพักแบบครอบครัว โดย Motel และ Chalet จะมีบริเวณที่สามารถทำอาหารได้ด้วย รวมทั้งมีอุปกรณ์เครื่องครัวที่จำเป็นเตรียมไว้ให้ด้วย แรกสุดตั้งใจพักที่ Hotel แต่เนื่องจากช่วงที่ไปเป็นช่วง Peak จึงทำให้ห้องพักที่นี่ราคาสูงกว่าราคาปกติถึง 2 เท่า (ประมาณ 450 NZ Dollars สำหรับ 1 ห้อง) ถ้าจอง 2 ห้อง ราคาที่จะต้องจ่ายสูงถึง 900 NZ Dollars ในคืนนี้เราเลยเปลี่ยนไปพักที่ Chalet แทน โดยลูกค้าที่เข้าพักที่ Motel และ Chalet จะได้รับ Coupon ซึ่งสามารถนำไปซื้อของที่ร้านขายของที่ระลึกบริเวณโรงแรม ร้านอาหาร หรือจะใช้ในการ upgrade อาหารเช้าจาก Continental Breakfast เป็น Cooked Breakfast ได้ด้วย
>> วิวบริเวณ The Hermitage Hotel ที่เห็นด้านหลังคือ Mount Cook>> เจ้านก 2 ตัวนี้มาต้อนรับเราที่ที่พักเลย ไม่กลัวคนแม้แต่นิดเดียว
ด้านหลังของห้องพักจะเป็นภูเขา Aoraki/Mount Cook ซึ่งเราสามารถเห็นภูเขาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีนกท้องถิ่นบริเวณนั้นมาต้อนรับถึงห้องพัก เข้าใจว่าเจ้านก 2 ตัวนี้น่าจะคุ้นเคยกับแขกที่มาพักที่โรงแรมแป็นอย่างดี เนื่องจากมันไม่มีทีท่าว่าจะกลัวคนเลย
No comments:
Post a Comment