คั่วไก่ สวนมะลิ และจุ่ยก้วยเจ้าอร่อยสุดๆ
วันนี้จะพาไปทานคั่วไก่แถวๆ สวนมะลิซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้าแยกพลับพลาไชย ใกล้ๆ กับธนาคารนครหลวงไทย เรานั่ง taxi มากัน โดย taxi พาเข้าทางลัดมาออกถนนเฉลิมเขต 2 แล้วเลี้ยวซ้าย ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับซอยเฉลิมเขต 4 ไม่ได้สังเกตว่ามีป้ายร้านหรือไม่ แต่สามารถรู้ได้จากมีคนยืนรอแน่นๆ บริเวณฟุตบาทซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านนี้ ด้านในมีโต๊ะไม่กี่ตัว ส่วนใหญ่ลูกค้าจะนั่งทานกันแถวโต๊ะริมถนน
ระหว่างรอซึ่งคาดว่า วันนี้น่าจะต้องรอนานมากๆ เพราะคนแน่นร้านเลยเดินไปซื้อจุ่ยก้วยที่ซอยฝั่งตรงข้ามมาทานพลางๆ จุ่ยก้วยร้านนี้เป็นร้านรถเข็นถ้าเดินเข้าไปในซอยที่อยู่ข้างๆ ธนาคารนครหลวงไทยจนกระทั่งถึงสี่แยกที่รถวิ่งได้ รถเข็นเค้าจะตั้งอยู่แถวนั้น หลังจากทานไปหนึ่งคำ รู้สึกเสียดายจริงๆ ว่าน่าจะซื้อมาหลายๆ กล่องเพราะอร่อยมากๆ พยายามถ่ายซูมแต่กลายเป็นออกมาไม่ชัดเท่าไร น่าเสียดายไม่เห็นเนื้อหมูสับที่ใส่มาเป็นก้อนๆ และเครื่องอื่นๆ ด้านบนที่ให้มาอย่างไม่ขี้เหนียว ตัวเนื้อแป้งนุ่มนวล รสกำลังดี ไม่เค็มเกินไป มีพริกตำใส่มาด้านบน สำหรับคนที่อยากซื้อกลับ เค้าจะแยกน้ำจิ้มให้ต่างหาก นึกแล้วก็อยากทานอีกจัง ราคาก็ถูกแสนถูก แค่กล่องละ 25 THB เอง ถ้าใส่จานขายในร้านสวยๆ สงสัยราคาจะเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่า
หลังจากทานจุ่ยก้วยหมด ก็ยังไม่เห็นวี่แววของคั่วไก่ น่าจะอีกหลายคิว เลยเดินไปสั่งขนมน้ำแข็งซึ่งดูหน้าตาน่าทาน ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ร้านคั่วไก่ เครื่องที่ยืนพิ้นคือ ลอดช่องไทยโดยเราสามารถสั่งเครื่องอื่นๆ ใส่เพิ่มเติม มีหลายอย่าง เช่น ข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด แตงไทย เป็นต้น ถ้วยด้านล่างคือ ลอดช่องกับข้าวเหนียวดำ น้ำเชื่อมหอม อร่อย ไม่หวานเกินไป
ถ้วยนี้เป็นลอดช่องกับแตงไทย สีสันสวยงาม ขนมร้านนี้ขายถ้วยละ 20 THB ค่ะ คุณภาพเกินราคาจริงๆ
ทานขนมกันเสร็จ รู้สึกเริ่มอิ่มๆ และแล้วอีกซักพัก คั่วไก่ชามแรกก็เริ่มทะยอย
มาเสริฟ ตอนที่สั่งหิวมากเลยไม่ได้สนใจดูเมนูว่าเค้ามีเส้นอะไรบ้าง เลยกลายเป็นว่า ทุกคนสั่งเหมือนกัน คือเส้นใหญ่แห้งคั่วไก่ แล้วสั่งเส้นใหญ่น้ำคั่วไก่มาอีก 1 ที่มาทานตรงกลาง ฟังชื่อแล้วก็งงใช่มั๊ยคะว่ามีแบบน้ำด้วยหรือ ก็งงเหมือนกันค่ะตอนที่ได้ยินครั้งแรก จริงๆ แล้วเส้นหมี่คั่วไก่ก็แปลกไปอีกแบบ ถ้าได้มาอีกครั้งจะต้องไม่พลาดแน่ๆ
คั่วไก่เค้าทำออกมาได้แห้งๆ เนื้อไก่นุ่มมาก แต่ยังไม่มีกลิ่นหอมกระทะใหม้เหมือนกับร้านเจ๊น้อย แถวๆเจ้าท่า ร้านนี้เค้าจะมีหนังไก่ทอดใส่จานมาต่างหากให้ (ถ้าขอ) รู้สึกว่าเค้าจะไม่คิดเงิน แต่น่าเสียดายที่มันไม่กรอบแม้แต่นิด กลายเป็นหนังไก่นุ่ม ถ้าเป็นหนังไก่กรอบๆ ความอร่อยจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ดูจากรูป หน้าตาดูดี แต่ต้องขอย้ำว่าหนังไก่ไม่กรอบแม้แต่นิด ถ้าจะให้ดี ซื้อหนังไก่ทอดจากรถเข็นฝั่งตรงข้ามมาทานด้วยกันน่าจะดีกว่า คนที่เค้าไม่ชอบทานหนังไก่เค้าก็ไม่เดือดร้อน แต่คนที่ชอบทานของเพิ่ม choresterol แล้วเนี่ย เป็นเรื่องสำคัญค่ะ
จานนี้ เส้นใหญ่คั่วไก่น้ำ เพิ่งเคยทานที่นี่เป็นครั้งแรก อร่อยจริงๆ ตอนแรกคิดในใจว่าจะมีคนสั่งด้วยเหรอ แต่พอชิมคำแรก ทำให้รู้สึกว่าถ้าแวะมาทานอีก คงเลือกไม่ถูกว่าจะสั่งแบบน้ำหรือแบบแห้งดี น้ำซุปรสกลมกล่อม ทานแล้วนึกถึงก๋วยจั๊บน้ำใสเจ้าอร่อยๆ แถวเยาวราช เนื้อไก่ที่ร้านนี้นุ่มจริงๆ
ชวนชิม เส้นหมี่ผัดผักกระเฉด ที่นครโภชนาสามย่าน
วันนี้ตั้งใจมาทานอาหารอื่นๆ ที่ร้านนครโภชนา หลังจากที่แวะมาทานอาหารจานเดียวกันไปแล้ว ช่วงกลางวันร้านนี้เค้าจะทำ promotion ประมาณว่าขายอาหารเป็นชุด เหมือนพวกร้าน franchise ทั้งหลาย ถ้าสั่งอาหารที่เค้าจัดชุดพิเศษ จะได้ข้าวและน้ำฟรี นับว่าคุ้มมากๆ จานแรกเริ่มต้นกันด้วย หอยแมลงภู่กระทะร้อน ซึ่งดูคล้ายๆ ออส่วนแต่ใช้หอยแมลงภู่แทน หอยตัวอวบอ้วน ใส่มาเต็มจาน ทานกับซอสพริก อร่อยดีค่ะ
จานพระเอกของมื้อนี้ เป็นอาหารที่ร้านนี้ทำได้เก่งมากๆ เส้นหมี่ผัดผักกระเฉด เค้าผัดเส้นหมี่มาแบบถึงเครื่อง ผักกระเฉดที่ใช้เป็นแบบยอดอ่อนๆ ทำให้ทานได้ง่าย ไม่เหนียวเลย เครื่องที่ใส่ใช้เป็นหมูสับ จานนี้อร่อยมากจริงๆ จนต้องสั่งซ้ำมาอีก 1 จาน
ร้านนี้เค้ามีเมนูผักให้เลือกเยอะมาก ถ้าใครอยากเน้นทานผัก ก็มีให้เลือกเยอะมากจนตัดสินใจไม่ถูกกันเลย จานนี้ผัดผักปวยเล้ง ผัดมาแบบง่ายๆ
ต่อมาเป็นจานที่เล็งไว้แต่ไม่มีโอกาสลองทาน ฮ้อยจ๊อปู ลูกใหญ่มากๆ กัดไปเจอเนื้อปูเป็นก้อนๆ แต่ก็มีส่วนผสมอย่างอื่นปนอยู่ด้วย ถ้าอยากทานฮ้อยจ๊อ ที่ใช้เนื้อปูล้วนๆ ต้องไปทานที่ร้านจั๊วหลี แถวๆ ศรีราชา ซึ่งร้านนั้นเค้าจะขายเป็นลูก เท่าที่ซื้อครั้งล่าสุดขายลูกละ 14 THB แต่ไม่แน่ใจว่ายังเป็นราคานี้อยู่หรือไม่
เราสั่งผัดผักกันมาอีกจาน ผัดผักคะน้าปลาเค็ม ผัดมาได้อร่อยอีกเช่นเคย แต่ที่น่าสังเกตคือ ปลาเค็มของร้านนี้มันไม่เค็มเหมือนร้านอื่นๆ เห็นใส่มาเยอะแบบนี้ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเค็มไป
จานที่พลาดไม่ได้เวลาไปทานร้านอาหารจีน กุ้งอบวุ้นเส้น ซึ่งจะใช้เป็นกุ้งชีแฮ้ เนื้อกุ้งสด แต่เหมือนซอสจะยังไม่เข้าเนื้อวุ้นเส้นเท่าไหร่ ออกจะจืดไปนิดนึงค่ะ
เส้นเซี่ยงไฮ๊รวมมิตร เป็นจานที่ติดใจตั้งแต่ครั้งที่แล้ว น้ำซอสปรุงรสอร่อย เครื่องมีหลายอย่างทั้งกุ้ง ปลาหมีกสด และปลาหมึกแช่ ผักคะน้า ของร้านนี้กรอบอร่อย
จานสุดท้าย ไก่นคร หั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเสริฟมาในกระทะร้อน หร้อมเครื่องรากผักชี พริกไทยและกระเทียม มาแบบเยอะมาก เครื่องเข้มข้น เหมาะทานกับข้าวสวย แต่เนื้อไก่แข็งไปนิดค่ะ
หอยกะทะ นายโซว ของอร่อย ห้าแยกพลับพลาไชย
ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่เป็นขวัญใจของใครหลายๆ คนเนื่องจากอาหารอร่อย มีให้เลือกหลากหลายและที่สำคัญราคาไม่แพงเลย วันนี้เรามาทานร้านนี้หลังจากที่ทานก๋วยเตี๋ยวไปคนละ 1 ชามจากร้านเจ๊ปุ๊ย จึงไม่รู้สึกหิวกันเท่าไรเหมือนทาน Appetizer จบไปแล้ว กำลังจะต่อด้วย Main Course ประมาณนั้น
เมนูมีให้เลือกมากมาย อาหารแต่ละอย่างราคาก็จะอยู่ในช่วง 80-150 มีหลายขนาดให้เลือกสั่ง ถ้าหิวๆ สงสัยคงไม่พลาดที่จะลองสั่งกุ้งอบวุ้นเส้น แต่วันนี้ที่ในกระเพาะมีจำกัด เลยต้องลองจานเด่นๆ ของร้านนี้ก่อน
เราสั่งไปทั้งหมด 4 อย่าง โดยเราสั่งไป 3 อย่างในตอนแรกและเพิ่มอีก 1 อย่างหลังจากที่เห็นพนักงานยกจานอาหารทอดซึ่งดูหน้าตาน่าทานเป็นที่สุด แต่ไม่มีในเมนู นั่นก็คือเต้าหู้ทอด
จานแรกเป็นจานที่ดังของร้านนี้ หอยแมลงภู่จานร้อน ซึ่งที่ร้านนี้ไม่รู้เค้าทำอย่างไร เพราะกระทะมันร้อนมากๆ จนกระทั่งเหลือคำสุดท้ายในจาน ถ้าคนชอบทานอาหารร้อนๆ คงไม่ผิดหวัง แต่มันกระเด็นพอสมควร ถ้าแต่งตัวสวยมาทาน ต้องระวังนิดนึงค่ะ หอยกระทะร้านนี้จะเป็นแบบนิ่ม คนละแบบกับหอยทอด สำหรับคนที่ชอบทานหอยทอด ขอแนะนำร้านนายหมง ซึ่งเป็นร้านหอยทอดในดวงใจที่ยังหาร้านไหนมาเทียบได้
จานต่อมา ไส้หมูทอด ซึ่งแต่ละร้านเค้าก็จะมีวิธีการปรุงที่ไม่เหมือนกัน ของร้านนี้จะได้กลิ่นของเครื่องยาจีนเล็กน้อย คาดว่าน่าจะนำไปต้มก่อนเพื่อไม่ให้มีกลิ่นของไส้ ก่อนที่จะนำไปทอด เวลาทานก็จิ้มกับซีอิ๊วดำหวาน รสชาติอร่อย ไม่กรอบมากเหมือนร้านผ่านฟ้า ของร้านนี้จะออกกรอบนุ่ม ถ้าคนที่ชอบทานกรอบๆ หน่อย น่าจะชอบของร้านผ่านฟ้ามากกว่า แต่แบบนี้ก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ
จานนี้เป็นจานที่ชอบมากที่สุดของมื้อนี้ หมูสะเด็ด อร่อยสุดยอด โดยเค้าจะนำเนื้อหมูไปย่างไฟก่อนที่จะมาคลุกกับน้ำยำสูตรพิเศษของที่ร้าน จะได้กลิ่นหอมนิดของการย่างเนื้อหมู
ทานคู่กับ Celery หั่นมาเป็นแท่งขนาดกำลังดี ใส่น้ำแข็งมาด้วยเพื่อคงความกรอบและความสดของผัก เข้ากันดีจริงๆ
จานนี้ไม่ได้ตั้งใจจะสั่งแต่มันดูหน้าตาดีมากๆ เต้าหู้ทอด ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะทอดได้เก่งจริงๆ ตรงกลางเต้าหู้ยังมีส่วนนิ่มๆ อยู่แต่รอบนอกกรอบๆ ทานตอนร้อนๆ น่าจะอร่อยที่สุด
ทานคู่กับน้ำจิ้ม ซึ่งมี 2 แบบคือน้ำจิ้มหวานและน้ำจิ้มเค็ม น้ำจิ้มเค็ม ดูหน้าตาแปลกดี จริงๆ แล้วจิ้มแค่น้ำจิ้มหวานอย่างเดียวก็อร่อยแล้ว
====================================
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเจ๊ปุ้ย ห้าแยกแยกพลับพลาไชย
อยากกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้มานานแล้วหลังจากมีพี่ที่ทำงานแนะนำมาว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาติดอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ ถ้าอย่างงั้นจะพลาดไม่ลองชิมได้งัย ร้านนี้อยู่ใกล้ๆ กับวัดพลับพลาไชย ไม่ไกลจากห้าแยกพลับพลาไชย แต่ร้านจะอยู่ในซอกเล็กๆ นิดนึง ไม่เชิงเป็นห้องแถวเท่าไหร่ ถ้าเห็นป้ายด้านล่างก็แสดงว่ามาถูกร้าน
มีป้ายชวนชิม guarantee ความอร่อยเลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน มาร้านนี้แนะนำให้สั่งบะหมี่เพราะเส้นบะหมี่เค้าอร่อยจริงๆ
สำหรับคนที่ไม่ได้ทานก๋วยเตี๋ยวน้ำ สามารถขอน้ำซุปใส่ถ้วยมาต่างหาก เค้าไม่คิดเงินเพิ่ม น้ำซุปร้านนี้หวานน้ำต้มกระดูกหมู แทบจะไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มให้เสียรสชาด
ที่เด็ดของร้านนี้เห็นจะเป็นฮื่อก๊วยที่เหนียว หนึบหนับ ไม่มีส่วนผสมของอย่างอื่นมาเจือปนให้เสียรสชาติของเนื้อปลา ถ้าติดใจอยากซื้อกลับ เค้าขายเส้นละ 45 บาท ถือว่าราคาไม่แพงเลยถ้าเทียบกับคุณภาพ ที่ร้านนี้เค้าจะใส่เครื่องอยู่ไม่กี่อย่าง ไม่มีลูกชิ้นกุ้ง เพราะเค้าเน้นลูกชิ้นที่ทำมาจากเนื้อปลาเป็นหลัก
ชามนี้เป็นเส้นหมี่ต้มยำที่ดูหน้าตาน่าทาน แต่ไม่ได้ลองชิม เห็นคนทานว่าอร่อย วันนี้มีโควต้าว่าสั่งได้ไม่เกินหนึ่งชามเพราะเดี๋ยวจะต้องไปทานร้านนายโซวซึ่งอยู่ตรงข้ามกันต่อ เลยต้องเก็บท้องไว้ก่อน ถ้ามาคราวหน้าอยากลองทานเส้นเล็กแห้ง ซึ่งคิดว่าน่าจะอร่อยไม่แพ้เส้นบะหมี่
====================================
ชวนขิมอาหารอีสาน อร่อยๆ ที่ร้านครกไม้ ไทยลาว
วันนี้มาแนะนำร้านอาหารอีสานแท้ๆ แถวถนนเกษตร-นวมินทร์ ถ้าขับมาจากสี่แยกเกษตรให้ตรงไปจนถึงสี่แยกถัดไปแล้วเลี้ยวขวาที่ไฟแดงไปทางวังหิน ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ มีป้ายเขียนชัดเจน ให้ขับเข้ามาในซอย บริเวณร้านมีที่จอดรถมากมาย แต่ถ้ามาช่วงกลางวันก็อาจแน่นได้เหมือนกัน เมนูที่ร้านนี้ไม่น่าเห็นในร้านอาหารอีสานร้านอื่นที่เคยไปทาน เลยคิดว่าน่าจะเป็นแบบ original taste แท้ๆ เลย มีพวกแมลงต่างๆ ไข่มด ตัวอ่อนผึ้ง และหนอนที่ดูแล้วไม่กล้าถ่ายรูปมาให้ดู ค่อนข้างน่ากลัวมากกว่าน่าทาน แต่ร้านนี้เค้ามี web site ถ้าอยากเห็นลองเข้าไปดูก็ได้
ส่วนเราขอสั่งเป็นอาหารแบบที่เราเคยทานปกติ พวกลาบ ส้มตำ น้ำตก น่าจะดีกว่า จานแรก ลาบหมูล้วน ไม่ใส่พวกเครื่องในและหนังหมู รสชาติออกธรรมดาไปนิด สงสัยเราจะบอกว่าเอาไม่เผ็ด มันเลยออกจืดๆ ไปหน่อย เคยมาทานครั้งก่อน รู้สึกว่าอร่อยกว่านี้
จานนี้ รสออกอีสานเล็กน้อย ถ้าคนไม่ชอบกลิ่นปลาร้า ไม่แนะนำให้สั่ง จานนี้เรียก ตำมั่วซั่ว ใส่ทั้งเส้นขนมจีน แคปหมู ปู หมูยอและผักต่างๆ รสออกเผ็ดมาก ทานไปคำก็ต้องทานน้ำตามไปด้วย แต่ก็อร่อยดี เหมาะสำหรับคนชอบทานของแปลกนิดๆ
ส้มตำไทยไข่เค็มแบบใส่พริก 2 เม็ด ทำออกมาได้รสถูกใจ มีทั้งรสเปรี้ยว เค็ม หวานและเผ็ดนิดๆ กำลังดีเลย ที่นี่จะใส่ไข่เค็มมาแบบไม่ขี้เหนียว อร่อยมากค่ะ จนต้องสั่งมาอีกจาน
ต่อมาเมนูแนะนำของทางร้าน ไก่อบกะละมัง สั่งมา 1 ตัว ราคา 130 THB เราชอบการย่างไก่ของร้านนี้เพราะทำได้แห้งดี แต่เนื้อไม่แห้งกระด้าง มีกระเทียมเจียวหอมๆ โรยมาด้านบน
ทานกับน้ำจิ้มแจ่ว ก็เข้ากันได้ดี
เนื้อน้ำตก ซึ่งปรุงรสได้ดีแต่ยังสู้ร้านไฝทองไม่ได้ ตั้งแต่ทานมา ร้านไฝทองทำเมนูนี้ออกมาได้ชนะเลิศ
ของหวาน วุ้นมะพร้าวแช่แข็ง หวานเย็น ชื่นใจ แก้ความเผ็ดได้ดี น่าจะรับมาจากที่อื่น ที่นี่ขายถ้วยละ 30 THB ค่ะ
========================================
กุ้ยช่ายเจ๊อี่ บ้านเลขที่ 1106 พระราม 4 คิวนานถึง 6 เดือน+
เรารู้จักกุ้ยช่ายร้านนี้จากคำบอกเล่าของคนอื่นๆ ซึ่งก็อดไม่ได้ที่ต้องลองสั่งมาลองดูซักครั้งแม้ว่าระยะเวลาการรอมันช่างยาวนาน โทรไปสั่งกลางเดือนพฤศจิกายน กว่าจะได้ก็ประมาณต้นเดือนมีนาคม เรียกว่าถ้าไม่จดปฎิทินก็คงจะลืมไปรับ order ที่สั่งไว้ หลังจากที่รอกันมานาน และแล้วก็มาถึงวันนัด เราโทรไปถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไปร้านถูก
ตอนไปรับให้คนนึงจอดรถอยู่หน้าร้าน (ริมถนนพระราม 4) อีกคนเข้าไปรับของ คนที่ไปรับก็เข้าบ้านผิดเพราะป้ายคงดูยาก สงสัยจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้บ่อย ที่ร้านมีอาเฮีย 1 คน อาม่า 2 คน รวมเป็น 3 คนกำลังวุ่นกับการเตรียมไส้ ห่อแป้ง และ pack ใส่กล่อง ไม่มีลูกมือคนอื่นในร้าน มิน่าหล่ะ คิวถึงได้นานมากๆ เสียงโทรศัพท์ดังก็ไม่มีใครสนใจไปรับ เพราะว่าแค่นี้ก็ทำจะไม่ทันอยู่แล้ว เรียกว่าทำได้แค่ไหนก็ขายแค่นั้น
เราสั่งไปทั้งหมด 3 ไส้ มีไส้ผัก ไส้หน่อไม้และไส้เผือก จำไม่ได้ว่าเค้ามีไส้อย่างอื่นอีกมั๊ย ทุกไส้ราคาเท่ากันหมดคือลูกละ 10 บาท
ไส้ผักจับจีบได้สวยงาม น่าทาน เนื่องจากเราไม่ทานไส้ผัก เลยบอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร แต่คนที่ทานบอกว่าอร่อย ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม ยังอร่อยเลย
น้ำจิ้มร้านนี้ มีรสเผ็ดนิดๆ จึงทำให้อร่อยกว่าร้านอื่นๆ ที่เคยทานมา ไส้หน่อไม้และไส้เผือก ก็ทำออกมาดูน่าทานทั้งคู่
ทีเด็ดคงเป็น ไส้เผือกมีใส่ถั่วลิสงลงไปด้วย เผือกกับแป้งเข้ากันได้ดี เหนียวนุ่มและมีรสมันๆ นิดๆ ของถั่ว น่าเสียดายที่สั่งมาน้อยไป
ไส้หน่อไม้ ก็อร่อยไม่แพ้กัน มีเนื้อหมูหรือกุนเชียง อยู่ในนั้นด้วย ข้อดีของร้านนี้คือแป้งกุ้ยช่ายเค้าจะไม่มีความมันเลี่ยน ทำให้ทานง่ายและทานได้เรื่อยๆ แต่ถ้าต้องรอนานขนาดนี้ ขอกลับไปทานกุ้ยช่ายอาม่า ที่ตลาดสามย่านแทนดีกว่า เพราะแป้งอร่อยพอๆ กัน แถมร้านนั้นลูกใหญ่มากๆ เรียกว่าทานแค่ลูกเดียวก็อิ่มเลย
เห็นเจ้าของร้านแจ้งว่าถ้าสั่งตอนนี้กว่าจะได้ทานต้องรอต้นปีหน้า อะไรจะขนาดนั้น!
=====================================
ไปกินปูไข่นึ่งที่ ร้านแดงอาหารทะเล
ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านโปรดที่มักจะแวะมาทาน ถ้าผ่านมาแถวๆ สมุทรสงคราม คนค่อนข้างแน่นเนื่องจากเรามาถึงเวลาช่วงอาหารกลางวันพอดี แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ต้องนั่งรอนานมากสำหรับอาหารจานแรก วันนี้มาทานกันแค่ 2 คนเลยสั่งไม่เยอะเหมือนทุกครั้ง
จานแรก ข้าวผัดกุ้งสำหรับทาน 2 คน เป็นจานขนาดเล็กซึ่งน่าจะเป็นขนาดใหญ่สำหรับร้านทั่วๆ ไป ข้าวผัดกุ้งที่นี่ใส่กุ้งขนาดใหญ่มาด้วย ข้าวผัดเข้ากันดีกับเครื่องปรุง เป็นจานที่ทุกโต๊ะมักจะสั่ง มาที่นี่ทีไรมักมี order จากที่บ้านให้ซื้อไปฝาก
จานถัดไปเป็นจานที่ไม่เคยได้ทานแม้แต่ครั้งเดียวเพราะมากี่ครั้งมักได้คำตอบเหมือนเดิมว่าไม่มีปูไข่ แต่วันนี้โชคดีมีให้ทานกัน เลยสั่งซะเลย ปูไข่นึ่ง แทบมองไม่เห็นเนื้อปูเพราะมีไข่ปูอยู่เต็มท้องไปหมด สำหรับคนที่ชอบทานปูตัวใหญ่หน่อย แนะนำให้สั่งเป็นปูเนื้อน่าจะดีกว่านะคะ แต่เรานิยมทานไข่ปูยิ่งเอามาใส่ข้าวผัดกุ้ง ยิ่งอร่อยมากขึ้น จิ้มน้ำจิ้ม seafood เล็กน้อย อร่อยจริงๆ
อีกจานที่มักจะต้องสั่งก็คือ หอยลายผัดน้ำพริกเผา แต่วันนี้หอยตัวเล็ก ไม่เหมือนที่เคยมาทานครั้งแรกๆ ช่วงหลังๆ ตัวมันเล็กลงเรื่อยๆ สงสัยว่าจะโตไม่ทัน ถูกจับมาทานซะหมด แต่รสชาติของจานนี้อร่อย กลมกล่อม อีกอย่างเค้าจะใส่กระเทียมกลีบโตมาด้วย น่าจะถูกใจสำหรับคนชอบทานกระเทียม
จานสุดท้าย ผัดผักบุ้งไฟแดง ที่ผัดมาได้เก่งมากๆ ผักไม่มีความเหนียวเลย ทำออกมาได้ขนาดนี้ต้องอาศัยฝีมือและเทคนิคของพ่อครัว ถ้าผัดนานไป ผักก็จะดูไม่น่าทาน
กินไปกินมา ก็ทานกันเกือบหมด อิ่มจนต้องกลิ้งออกจากร้านไป
=====================================
Baan Amphawa Resort & Spa Review (Pool Villa)
เราไม่ได้ตัดสินใจนานมากแค่ประมาณ 3 วันล่วงหน้า โทรมาถามห้องพักว่าง ปรากฏว่าห้องแบบไทยเต็มหมด เหลือแต่ฝั่ง villa พนักงาน offer ราคา promotion เลยไม่ต้องคิดนาน แรกสุดอยากได้การตกแต่งแบบเรือนไทยแต่ไม่เป็นไร ที่ resort นี้แบ่งเป็น 2 ฝั่งคั่นด้วยถนนเล็กๆ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินไกลเพราะเค้ามีรถกอล์ฟคอยรับ-ส่ง ที่ check-in อยู่ฝั่ง villa ข้อดีของฝั่ง villa คือ private กว่าอีกฝั่งเพราะบ้านแต่ละหลังจะอยู่แยกจากกัน
จริงๆ แล้วบ้านที่พักก็เดินไม่ไกลมากจากด้านหน้า resort ซึ่งจะเป็นทางเดียวกับที่ไป spa office
ห้องพักแยกเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอน โดยตรงบานพับสามารถหัน TV ได้ทั้ง 2 ฝั่ง ชอบการ design ลักษณะนี้ ใช้ประโยชน์ได้จริง
ห้องน้ำมีทั้งส่วนที่เป็น shower และอ่างอาบน้ำ มีที่แขวนเสื้อผ้าเปียกให้ โดยรวมใช้ได้ มีของใช้ให้ครบ
ที่ชอบคือ สระน้ำจะมีส่วนที่เป็น jacuzzi ให้นั่งแช่ได้ด้วย พร้อม day bed ที่สามารถนั่งเล่น แม้อากาศจะร้อนไปนิด แต่เราก็สามารถที่จะเลือกว่ายน้ำเวลาไหนก็ได้ซึ่งเป็นข้อดีของการมาพัก pool villa นั่นเอง อีกอย่างที่ประทับใจคือไม่มียุงหรือแมลงตอนกลางคืนเลย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเราตอนที่ไป pranburi ได้ลองสอบถามจากพนักงาน เห็นแจ้งว่าที่นี่เค้าจะมีการฉีดยาค่อนข้างถี่ รวมทั้งน่าจะปลูกพืชบางอย่างที่ช่วยไล่ยุง?
ตอนเช้าเราเลือกที่จะตักบาตรกับทาง resort โดยต้องไปตักใกล้ๆ กับที่ทานอาหารเช้า ตรงบริเวณสระว่ายน้ำรวม น่าเสียดายที่ไม่ได้ใส่เป็นอาหารสด แต่เป็นของแห้งที่จัดมาเป็นชุดๆ โดย resort จะเตรียมที่กรวดน้ำไว้ให้ สะดวกมากๆ
บริเวณทางเข้าฝั่งศาลาไทย มีถนนเล็กคั่นๆ ระหว่างกลางแยกจาก Pool Villa
ลองไปเดินสำรวจทางฝั่งศาลาไทย ซึ่งเราชอบการตกแต่งแต่ห้องพักน่าจะไม่ค่อยส่วนตัวเท่าไร เพราะห้องจะค่อนข้างติดๆ กัน และทางขึ้นลงบันได มีทางเดียว
ห้องอาหารอยู่ติดริมน้ำ ตรงท่าน้ำจะมีเรือจอดอยู่ 2 ลำ ลำนึงน่าจะไว้รับ-ส่งลูกค้าที่มาพักไปตลาดน้ำ อีกลำเป็น Boat House มีแค่ 1 unit แต่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นส่วนตัวเท่าไร
ช่วงที่เราไปพัก บังเอิญว่ามีบริษัทมาจัดสัมมนาทำให้คนค่อนข้างเยอะในห้องอาหาร ดูแออัดมาก ตามความเห็นส่วนตัวน่าจะแยกห้องอาหารเป็น 2 ฝั่งแยกจากกัน ระหว่าง Pool Villa และศาลาไทย
อาหารมีให้เลือกน้อยและเป็นอาหารที่ทำแบบเน้นปริมาณ ไม่ได้เน้นรสชาติ ไม่ประทับใจเท่าไร อาหารยังคงต้องปรับปรุงถ้าจะทำเป็น Luxury Resort อีกอย่างลูกค้าที่จ่ายค่าห้องที่แพงกว่าห้องธรรมดา น่าจะต้องการ premium service ถึงได้เลือกพักที่นี่
=======================================
Location: Amphawa, Samutsongkram
Price: 6,900 THB/night (Pool Villa)