อีกครั้ง...กับร้านเจ๊ดำ โภชนา คลอง 10 ความอร่อยที่ไม่เคยเปลี่ยน




วันนี้เป็นอีกครั้งที่เราตั้งใจไปทานกันที่ร้านเจ๊ดำ ซึ่งร้านนี้อาจจะอยู่นอกเมืองไปซักหน่อยสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้แวะเวียนไปแถวๆ นั้นนะคะ เราไปทานกัน 4 คนแต่ก็สั่งอาหารมาเยอะเหมือนเช่นเคย จนพนักงานเสริฟเค้าแนะนำว่าน่าจะสั่งเยอะไปแล้ว ก็ดีเหมือนกันนะคะที่เค้าไม่เน้นที่จะพยายามขายลูกค้ามากเกินไป

จานแรก ผักบุ้งผัดไฟแดง ผัดออกมาได้แบบผักยังดูสดอยู น่าทานมากและรสก็อร่อยเช่นกันค่ะ ที่ร้านนี้เค้าจะใช้เลือกใช้กระเทียมเม็ดใหญ่มาใช้กับผัดผัก ซึ่งจะเข้ากันได้ดีกว่ากระเทียมแบบกลีบเล็ก



จานที่สอง ก้านคะน้าผัดก้ามกุ้ง ที่ร้านนี้เค้าจะเลือกต้นคะน้าที่ก้านอวบๆ มาผัดทำให้เวลาเคี้ยว จะรู้สึกถึงความกรอบของผัก เข้ากันได้ดีกับก้ามกุ้งเนื้อแน่น รู้สึกเหมือนเค้าจะใส่มันกุ้งลงมาด้วย ทำให้น้ำผัดผักรสออกเข้มข้นมากกว่าปกติ อร่อยดีค่ะ



จานที่สาม กุ้งแม่น้ำทอดกระเทียมพริกไทย ใช้กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ 2 ตัว จานนี้ทำออกมาได้อร่อยมากๆ กุ้งแม่น้ำนำไปทอดก่อนที่จะนำมาราดกับกระเทียม ซึ่งจะทำให้กุ้งตรงส่วนหัว มันของกุ้งไม่เยิ้มออกมาก่อนที่จะเสริฟมาในจาน แกะมาให้เรียบร้อย พร้อมรับประทาน เนื้อกุ้งมีความสดมาก เหนียวหนึบไม่เละ ก้ามกุ้งที่ผัดมาด้วยกันก็อวบอ้วน รสชาติกำลังดี โรยกระเทียมหอมๆ มาด้านบน ทานกับข้าวสวยร้อนๆ สุดยอดค่ะ โดยส่วนตัวคิดว่ากุ้งแม่น้ำน่าจะเหมาะกับการนำมาทอดกระเทียมพริกไทยมากกว่ากุ้งแชบ๊วย







จานที่สี่ กุ้งแม่น้ำเผา ซึ่งที่ร้านนี้ขายกิโลละ 900 THB เราขอให้เค้าเลือกตัวที่ใหญ่ที่สุดให้ ซึ่งจะได้แบบ 2 ตัว/1 กิโล เผาออกมาได้น่าทานมากๆ มันกุ้งตรงส่วนหัวเยอะทุกตัว เนื้อสุกกำลังดี เนื้อกุ้งที่ร้านนี้อร่อยจริงๆ มันกุ้งคลุกกับข้าวสวย ใส่น้ำจิ้ม seafood เล็กน้อย แทบไม่ต้องบรรยายอะไรมากสำหรับคนที่ชอบทานมันกุ้ง แต่อาจจะต้องลืมเรื่องปริมาณ choresterol ที่จะได้จากจานนี้ไปก่อนนะคะ







รูปนี้จะสังเกตเห็นมันกุ้ง ที่มันไหลลงไปที่เนื้อกุ้ง สีสวย น่าทานดีค่ะ เราชอบกุ้งเผาของร้านนี้มากกว่ากุ้งเผาที่ร้านรวยแถวๆ บางไทร เพราะครั้งที่ไปมาล่าสุดกุ้งที่ทานตัวไม่ค่อยใหญ่เท่าไร และมันกุ้งไม่เยอะเท่ากับร้านนี้







จานถัดมา ลูกชิ้นปลากรายผัดแกงเขียวหวาน เป็นอาหารอีกหนึ่งอย่างที่ร้านนี้ทำออกมาได้อร่อย เนื้อลูกชิ้นปลากรายเหนียวหนึบ เครื่องแกงก็หอม รสเข้มข้น ไม่เผ็ดจนเกินไป จานนี้จะผัดมากับยอดมะพร้าวอ่อน ซึ่งเข้ากันได้ดีกับลูกชิ้นปลากราย แนะนำว่าจานนี้ต้องสั่งให้ได้นะคะเวลามาทานที่นี่ค่ะ







เราตั้งใจสั่ง ไข่เจียวปู มาทานคู่กับจานด้านบน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะไข่เจียวของร้านนี้ เค้าทอดมาแบบฟูนุ่ม ข้างนอกกรอบนิดๆ แต่ข้างในยังนุ่มอยู่ เหมาะมากที่จะทานกับแกงเขียวหวาน







จานสุดท้าย ปลาบู่นึ่งซีอิ้ว ร้านเจ๊ดำ เค้าจะทำจานนี้มาแบบหม้อไฟ ซึ่งจะเป็นคนละแบบกับปลาบู่นึ่งซีอิ้วแบบจีน ปลาบู่จะเลือกตัวขนาดไม่ใหญ่มาทำ เนื้อปลาสด นุ่ม อร่อยคนละแบบกับแบบจีน แล้วแต่คนชอบค่ะ ผักที่ใช้เลือกเป็นกะหล่ำปลีแทนต้นหอมหั่นเป็นเส้นๆ น่าจะเรียกว่าปลาบู่หม้อไฟมากกว่านึ่งซีอิ๊ว







ตัวที่เราทาน มีไข่ด้วย พึ่งเคยเห็นครั้งแรกก็เลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน สีมันจะออกสีส้ม ไม่เหมือนกับไข่ปลาช่อนที่สีจะออกสีขาว







ปิดท้าย review นี้กันด้วยรูปน้อง Jasper ละกันนะคะ...



















==============================================
Restaurant Name: Jae Dam (เจ๊ดำโภชนา)
Location: Klong 10, Pathumtani
Price: 600 THB/Person
==============================================

Lang Suan Shark Fin: หูฉลามหลังสวน (ไต้เซ้ง)


ร้านนี้เป็นอีกร้านโปรดของที่บ้านเรา เพราะอาหารจีนทำได้อร่อยหลายอย่างรวมถึงพวก dim sum ด้วย อีกอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถ เพราะเค้าจะมีลานจอดรถให้หน้าร้านเลย หรือในกรณีที่หน้าร้านเต็มก็สามารถเลยไปจอดตรงลานที่อยู่เลยไป สามารถสอบถามจากคุณลุงโบกรถได้ค่ะ ส่วนใหญ่แล้วเราจะมาทานเป็นมื้อกลางวันเพื่อที่จะได้ทานพวก dim sum ได้ด้วย เมนู dim sum ก็จะมีให้เลือกหลากหลาย เช่นเดียวกับเมนูอาหารจีนอื่นๆ ร้านนี้เมนูเล่มจะใหญ่และหนักมากๆ ด้วย วันนี้เราก็จะเริ่มต้นกันด้วย dim sum กันก่อนโดยจะสั่งประเภทที่เป็นพวกไส้กุ้งทั้งหลาย


จานนี้ ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้ง คือว่ามันมีเต็มจานกว่านี้แต่ถ่ายรูปไม่ทัน :) แป้งบาง มีกุ้งอยู่ข้างในหลายตัวที่เดียว เรียกว่ากัดไปคำไหนก็เจอแต่ตัวกุ้ง จานนี้อร่อยมากค่ะ



ต่อมา เผือกทอด ซึ่งทอดมาได้แบบไม่มีกลิ่นหืนของน้ำมัน กรอบนอกนุ่มใน เผือกฟูกรอบ มีร้านอีกร้านที่คงต้องพูดถึงซึ่งก็คือ silver palace แถวๆ สีลม ร้านนี้เคยเป็นร้านโปรดของที่บ้านแต่มีครั้งนึงที่ไปทานแล้วเสียความรู้สึกเพราะเผือกทอดเหม็นกลิ่นน้ำมันเก่ามาก เราก็เลยไม่ไปทานอีกเลย



ถัดมาเป็น ปอเปี๊ยะทอด ซึ่งไส้ปอเปี๊ยะเป็นหมูแดงและหน่อไม้ รสชาดใช้ได้ แต่เราชอบไส้ที่เป็นไส้กุ้งมากกว่า รู้สึกว่าที่ Shang Palace (Shangri-La Hotel) จะทำปอเปี๊ยะทอดได้อร่อยถูกใจกว่านี้ เช่นเดียวกับขนมผักกาดซึ่งเราไม่ได้สั่งของร้านนี้ เพราะเราชอบของที่ Shang Palace และ Hai Tien Lo (Pan Pacific Hotel) มากที่สุด



จานนี้ ฮะเก๋า รสอร่อย แป้งบาง กุ้งสดและหวานกรอบ ขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่เกินไป เราชอบทานกับ mustard sauce และจิ๊กโฉ่วผสม hot chilli oil ซึ่งจำได้ว่าเราอยากทาน hot chilli oil กับ dim sum เวลาที่ไปฮ่องกงแต่ครั้งแรกเราก็ไม่รู้ว่าจะเรียกยังไง จนคนจีนโต๊ะข้างๆ ที่พูดภาษาอังกฤษได้เค้าช่วยบอกกับพนักงานเสริฟให้



ถัดมาเป็น ขนมกุ๋ยช่าย ซึ่งทอดออกมาได้ดี ส่วนตัวแล้วเราไม่ชอบทานไส้ที่เป็นกุ๋ยช่าย เพราะรู้สึกว่ามันมีกลิ่นแรง แต่คนที่เค้าชอบทานเค้าบอกว่า อร่อยมาก เพราะแป้งเหนียวนุ่ม ทอดมาแบบผิวกรอบนิดๆ ด้านนอก กำลังดีเลย



จานนี้คือ ขนมจีบกุ้ง ทำออกมาเป็นแบบแป้งบาง เห็นกุ้งเป็นตัวๆ เลย วัตถุดิบที่นี่ สดมากๆ กุ้งรสหวานเนื้อเด้งดึ๋ง อร่อยมากค่ะ



ก่อนที่จะไปเป็นอาหารจานๆ เราก็ยังสั่ง เกี้ยวกุ้งทอด ซึ่งดูน่าตาดีมากๆ แต่ไม่ได้ลองทานแต่ดูแล้วก็น่าจะอร่อยเพราะแป้งที่ทอดมาก็ดูไม่หนาเกินไป



จานนี้เป็นจานโปรดของพี่สาวเรา ผักกาดแก้วผัดซอสกระเทียม ซึ่งเราก็ชอบทานมากๆ เช่นกัน กลายเป็นผัดผักจานโปรดมากกว่าผักคะน้าฮ่องกงซะอีก ร้านนี้เค้าทำซอสกระเทียมได้อร่อยมากๆ เข้ากันได้ดีจริงๆ กับผักกาดแก้ว เป็นจานที่แนะนำว่าต้องสั่งให้ได้ค่ะ



จานนี้คือ แฮ่กึ๊นทอด ซึ่งร้านนี้ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน ส่วนตัวคิดว่าร้านนี้เค้าจะทำอาหารพวกอาหารทะเล กุ้ง ปู ปลา ออกมาได้อร่อย เพราะวัตถุดิบที่ใช้มีคุณภาพและสดมาก (เป็นๆ) เนื้อกุ้งหวานกรอบ เช่นเดียวกับของทอดที่เป็นไส้กุ้งอื่นๆ รสอร่อยและไม่อมน้ำมัน



จานถัดมา กุ้งอบวุ้นเส้น ซึ่งเราคิดว่าที่ร้านนี้ทำได้อร่อยมากที่สุดแล้วตั้งแต่ทานมาหลายๆ ที่ สูตรของร้านนี้จะเป็นแบบ original ที่จะใช้มันหมูบางๆ วางมาก้นหม้อพร้อมกับใส่กระเทียมกลีบเล็กจำนวนมาก ซึ่งกระเทียมกลีบใหญ่จะหอมสู้กลีบเล็กไม่ได้ นอกนั้นเค้าก็จะใส่เครื่องอื่นๆ เช่น ขิงและรากผักชี เป็นต้น วุ้นเส้นของที่นี้ปรุงออกมาได้แบบรสกำลังดี น้ำซอสเข้าเนื้อและเส้นเหนียวนุ่ม ข้อดีอีกอย่างของร้านนี้ คือพนักงานเสริฟเค้าจะถามก่อนว่าเราต้องการกุ้งจำนวนกี่ตัว เพราะลูกค้าบางคนนิยมกินวุ้นเส้นมากกว่ากินกุ้ง ก็จะได้สั่งมาปริมาณน้อยหน่อย สำหรับกุ้งที่นี่ เค้าจะใช้กุ้งแชบ๊วย ซึ่งจะเข้ากับวุ้นเส้นได้ดีกว่าชนิดอื่นๆ อีกอย่างน้ำจิ้ม seafood ของที่นี่เด็ดมากๆ ค่ะ ใส่ลงไปเล็กน้อยจะช่วยตัดความเลี่ยนได้ดีค่ะ



จานนี้น่าจะเป็น highlight ของมื้อนี้ ปลาเก๋าทอดราดซีอิ๊ว ซึ่งพนักงานเสริฟแนะนำให้สั่ง แรกสุดเราจะสั่งแบบนึ่งซีอิ้วธรรมดา แต่พนักงานเสริฟแนะนำว่าถ้านำปลาไปทอดก่อนแล้วค่อยราดน้ำซีอิ้ว มันจะอร่อยกว่าแบบนึ่งโดยเฉพาะถ้าใช้เนื้อปลาเก๋า



ซึ่งก็อร่อยจริงๆ เนื้อปลาข้างในยังนุ่มอยู่ น้ำซอสก็เข้ากันได้ดีมาก รสชาติอร่อย เนื้อปลาสดจริงๆ คาดว่าน่าจะใช้ปลาเป็นๆ มาทำ จานนี้ราคาอาจจะสูงหน่อยแต่ก็คุ้มค่าเพราะปลาที่ใช้ตัวใหญ่มาก จานนี้ราคา 1,600 THB



โดยเราจะทานจานนี้คู่กับก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ทอดกรอบราดกระเทียมเจียว ซึ่ง chef เค้าจะหั่นเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นสี่เหลี่ยม ทำให้ตรงขอบมันยังกรอบอยู่แม้ว่าจะราดน้ำซีอิ๊วลงไปแล้ว ต้องขอชมว่าอร่อยสุดยอดค่ะ ปลาเก๋าทอดราดซีอิ๊วไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้ดีขนาดนี้กับเส้นใหญ่ทอด



ถัดมาเป็นข้าวผัดหนำเลี๊ยบ ซึ่งลองชิมไป 1 คำเพราะอิ่มมากแล้ว ข้าวผัดร้านนี้เค้าผัดเก่งจริงๆ ผัดได้แบบที่ไม่แฉะ เมล็ดข้าวยังสวยอยู่ กลิ่นหนำเลี๊ยบหอมๆ น่าจะเป็นที่ถูกใจสำหรับคนที่ชอบทานข้าวผัดแบบนี้ อร่อยดีค่ะ อย่าลืมทานกับเครื่องเคียงที่จัดมาคู่กันด้วยนะคะ




ร้านนี้เป็นอีกร้านที่เราคงจะกลับมาทานอีกเรื่อยๆ เพราะเป็นร้านที่ฝีมือค่อนข้างคงที่ อีกอย่างวัตถุดิบที่ใช้ก็มีความสดและคุณภาพดี นอกจากนั้นยังมีเมนูอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้จานอื่น เช่น เป็ดปักกิ่ง เป็นต้นอาหารหลากหลายมีให้เราเลือกทานแบบที่ไม่เคยเบื่อเลยค่ะ


====================================
Restaurant Name: Lang Suan Shark Fin
Location: Lang Suan, Bangkok
Price: Average 600-800 THB/Person
====================================

After You at J Avenue Thonglor


หลังจากที่นวดเท้ากันเสร็จแล้ว ก็รู้สึกเกิดความอยากทานของหวานๆ กันขึ้นมา เพื่อนเลยเสนอร้าน After You ที่ J Avenue ซึ่งก็ไม่ต้องคิดนาน ทุกคนไม่มีใครปฏิเสธ งั้นก็ตามไปกันเลยค่ะ ระหว่างเดินทางเพื่อนเราก็จัดการโทรจองเรียบร้อยเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอคิวนาน ที่ร้านนี้ขายดีจริงๆ ขนาดมีคิวหน้าร้านด้วย



เรามากัน 4 คน ก็สั่งขนมไปทั้งหมด 4 อย่าง ซึ่งอย่างสุดท้ายสั่งไปตามหลังเพราะอยากกินเฉยๆ จริงๆ ก็อิ่มแล้วแหละ วันนี้กินกันเข้าไปสงสัยว่าน่าจะเกิน 1000 Calories สำหรับมื้อนี้ (ต่อคน) คิดแล้วมันช่างน่ากลัวจริงๆ แต่ไม่เป็นไรเพราะเราคงไม่ได้ทานอย่างงี้กันบ่อย (มั๊ง) หลังจากสั่งที่ counter กันเรียบร้อยก็ไปนั่งรอ หลังจากนั้นพนักงานเสริฟก็ยกอุปกรณ์การรับประทานมาให้พร้อม



สำหรับชาร้านนี้เค้าจะเสริฟมาในถ้วยกระดาษ ซึ่งมันดูไม่ค่อยน่าทานเท่าไรน่าจะเสริฟมาในแก้ว จะดีกว่ามั๊ยสำหรับลูกค้าที่นั่งทานในร้าน มันดูเป็นชาราคาถูกไปเลยทั้งที่ราคาส่วนใหญ่ก็ตกแก้วละ 85 บาทขึ้นไป เราสั่ง Honey Lemon Tea มาทานก็รสชาติใช้ได้



ของเพื่อนสั่ง Hot Chocolate ตกแต่งมาอย่างสวยงาม topping ด้วย marshmallow และ cocoa powder มี chocolate ข้นๆ ใส่ถ้วยมาต่างหากพร้อมกับ whipped cream อีกถ้วยเล็กๆ ในกรณีที่คนไหนไม่ชอบจะได้ไม่ต้องใส่ แถมมี biscuit 1 ชิ้นเล็กให้ด้วย ช่างดูน่าทานจริงๆ เลย




ของหวานจานแรกมาแล้ว...Shibuya Honey Toast (ราคา 165 THB) จานนี้สามารถสั่งเป็น mini size ได้แต่เห็นเพื่อนบอกว่า regular size อร่อยกว่า เค้าจะมี vanilla ice cream วางมาข้างๆ อีก 2 ก้อน พร้อมด้วย whipped cream และ icing sugar






ชิ้นของขนมปังหนามากๆ ชุ่มฉ่ำไปด้วยเนยหอมๆ ขนมปังจะหั่นมาให้เป็น 9 ส่วนแต่ยังไม่แยกจากกันเพื่อความสะดวกในการรับประทานสำหรับแบ่งกันกับเพื่อน จะได้ไม่อ้วนคนเดียวนะคะ





ก่อนที่จะรับประทานเราก็จะราด Honey ให้ชุ่มขนมปัง กะปริมาณแล้วแต่ความชอบ ไม่ต้องราดทีเดียวก็ได้นะคะ เดี๋ยวมันจะหวานเกิน...พวกเรา vote ให้จานนี้เป็น our most favorite dish สำหรับร้านนี้






ถัดมาคือ Chocolate Lava (ราคา 145 THB) ซึ่งจะเป็น chocolate cake เนื้อคล้ายๆ กับ chocolate brownie ชิ้นกลมๆ สอดไส้ด้วย chocolate เหลวๆ อยู่ข้างใน พร้อมตกแต่งด้วย chocolate sauce, cocoa powder, icing sugar, and 1 scoop of vanilla ice cream นอกนั้นก็ยังมี strawberries หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ วางมาข้างๆ สำหรับจานนี้รสใช้ได้ แต่มีร้านอื่นที่ทำได้อร่อยกว่านี้สำหรับเมนูคล้ายๆ กันนี้ ส่วนตัวแล้วคิดว่าถ้าใช้เป็น strawberries เชื่อมหรือ strawberries sauce แทน strawberries สดน่าจะดีกว่านี้เพราะรสของ strawberries สดที่ใช้ออกเปรี้ยวเกินไป






ต่อมา Tiramisu (ราคา 125 THB) ซึ่งมีวางขายสำหรับซื้อกลับบ้านด้วย เมนูนี้ทำออกมาได้รสเข้ม ไม่ขี้เหนียว mascarpone cheese และรสก็ไม่หวานเกินไป แต่อาจไม่ใช่รสแบบ original ของ Tiramisu จริงๆ แต่ก็อร่อยใช้ได้





ถัดมาเราลองสั่ง Honey Toast อีกแบบซึ่งเรียกว่า Peanut Butter Honey Toast (ราคา 165 THB) หลังจากที่ติดใจจานแรก จานที่สองส่วนประกอบที่ใช้ตกแต่งจานก็คล้ายๆ จานแรก แต่จะแตกต่างกันตรงใช้ Peanut Butter มาทาในเนื้อขนมปังด้วย พร้อม ground roasted peanut โรยมาด้านบนพร้อมราดด้วย caramel sauce แทน icing sugar จานนี้ก็อร่อยเช่นกันแต่พวกเราชอบจานแรกมากกว่า สงสัยว่าเราจะเริ่มอิ่มกันแล้วด้วย






ดูใกล้ๆ จะเห็นเนยชุ่มฉ่ำอยู่ในเนื้อขนมปัง ก่อนทานก็สามารถราด honey ลงบนขนมปังนิดนึงน่าจะทำให้อร่อยมากยิ่งขึ้น ไม่รู้จานไหน calories มากกว่ากัน หลังจากทานเสร็จ ต้องไปเดินเล่นใน villa กันก่อนไม่งั้นไม่สามารถขับรถกลับบ้านได้ อิ่มมากๆ...





==========================================
Dessert Shop: After You
Location: J Avenue (Thonglor), Bangkok
Price: 250 THB/Person
==========================================

Anna & Charlie's Cafe (Formerly known as Anna's Cafe)

Anne & Charlie's Cafe เป็นร้านเดียวกับร้าน Anna Cafe ที่เคยอยู่ที่ซอยศาลาแดง เพราะฉะนั้นอาหารแนะนำหลักๆ ของร้านนี้ก็ยังคล้ายร้านเดิม เริ่มต้นสั่งเครื่องดื่มกันก่อนค่ะ มีให้เลือกเยอะมากแต่วันนี้ขอสั่งเป็นกาแฟดีกว่า Iced Cappuccino Coffee รสเข้มทีเดียว แต่เค้าก็จะมี liquid sugar แยกใส่ถ้วยมาให้เผื่อคนที่ไม่ชอบหวานก็จะได้ไม่ต้องใส่เพิ่ม ซึ่งก็น่าจะดีกว่านะคะเพราะบางร้านทำออกมาแบบหวานเกินไปแบบที่ทานแทบไม่ได้เลย



เนื่องจากว่าเพื่อนๆ ยังมาไม่ครบ แต่เราหิวกันแล้ว เลยสั่งพวก salad และของทานเล่นมาทานพลางๆ ก่อนดีกว่า จานนี้ Caesar Salad จานใหญ่ทีเดียว Dressing รสชาดดี แต่ Bacon ทอดมาได้ยังไม่กรอบเท่าที่ควร ถ้าทำได้กรอบกว่านี้และชิ้นเล็กลงอีกนิด น่าจะดีกว่านี้ค่ะ

จานต่อมา ส้มตำปลาดุกฟู ซึ่งเราขอให้ทางร้านเค้าแยกปลาดุกฟูมาต่างหาก จะได้ไม่นิ่มเร็ว เผื่อคนที่ตามมาทานทีหลังจะได้ยังอร่อยอยู่งัยคะ ส้มตำทำออกมาได้รสอร่อย กำลังดีเลย แต่รู้สึกว่าจะใส่กุ้งแห้งเยอะไปนิด มันเลยออกเค็มไปถ้าตักโดนกุ้งแห้งเยอะไป แต่พอทานกับปลาดุกฟูก็น่าจะรสกำลังดี

มาต่อกันเลยนะคะ โรตีแกงเขียวหวานไก่ ซึ่งที่ร้านนี้เค้าใช้เนื้อตรงส่วนอกไก่ไม่มีหนังติดมาด้วย เลยถูกใจเราที่สุด เพราะไม่ชอบเนื้อไก่ส่วนอื่น ยิ่งถ้าเป็นร้านที่หั่นไก่มาทั้งกระดูกจะไม่ชอบอย่างยิ่งเลยค่ะ แกงเขียวหวานรสกำลังดีสำหรับคนที่ทานเผ็ดไม่ได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วเราชอบให้รสเครื่องแกงเข้มข้นกว่านี้น่าจะอร่อยกว่า ส่วนแป้งโรตี ไม่แน่ใจว่าร้านเค้าทำใหม่ๆ หรือเปล่า แป้งมันไม่ฟูนุ่มเท่าที่ควร น่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้

เราอยากทาน spaghetti กัน แต่ตัดสินใจไม่ถูกเพราะมีหลายรายการให้เลือก ในที่สุดก็เลือกเป็นแบบ spaghetti with bacon and olive oil หน้าตาที่ออกมาดูมันไม่ค่อยน่าทานเท่าไร เพราะเส้นที่ลวกออกมาไม่ใช่เป็นแบบ al dente ถ้าเส้นลวกออกมาสุกเกินไป พอเอาไปผัดอีกครั้งมันก็จะนิ่มเกิน รสทำออกมาได้แบบที่ไม่ได้แย่มาก ยังมีรสชาดของน้ำซุปแต่ต้องปรับปรุงเรื่องการลวกเส้นและ bacon ต้องกรอบกว่านี้ค่ะ

ผักโขมอบชีส เป็นเมนูแนะนำที่ทำออกมาได้ดี ชีสเยิ้มๆ อบมากำลังดี น่าจะถูกใจสำหรับคนที่ชอบอาหารจานนี้นะคะ

เมนูนี้คือ ยำวุ้นเส้นรวมมิตร ซึ่งร้านนี้เค้าสามารถยำออกมาได้รสจัดจ้าน วุ้นเส้นทำออกมาได้ไม่อืดเหมือนบางร้าน จานนี้อร่อยมากค่ะแต่อาจจะเผ็ดไปสำหรับคนที่ทานเผ็ดไม่ค่อยได้นะคะ

เรามาคั่นความเผ็ดกันด้วย ปีกไก่ทอดแดดเดียว ซึ่งน่าจะเข้ากันได้ดีกับยำวุ้นเส้นถ้าทานคู่กัน แต่จานนี้ก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากกว่าร้านอื่น โดยส่วนตัวชอบไก่ตะเกียบของร้านพึงชมมากกว่าค่ะ

วันนี้เราไม่อยากทานอาหารหนักมากก็เลยสั่ง salad มาอีกจาน เป็น smoked salmon salad ซึ่งจะใช้น้ำสลัดแบบใสเป็น dressing รสออกเปรี้ยวนิดๆ ใส่ caper มาด้านบนด้วย ซึ่งเค้ากันได้ดีมากกับ smoked salmon จานนี้อร่อยดีค่ะ

จบของคาวไปแล้ว ก็มาต่อกันด้วยเมนูของหวานกันดีกว่า จานนี้เป็น complimentary จากคุณ charlie ซึ่งเจ้าของร้านที่นี่น่ารัก เค้ามักจะมีของหวานแถมให้ลูกค้าเป็นประจำเลย toffee banoffee เป็น signature dish ของที่นี่ ซึ่งเค้าเป็นเจ้าแรกที่คิดค้นขนมหวานนี้ค่ะ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถบอกได้ว่ารสเป็นอย่างไรเพราะเป็นคนที่ไม่ชอบทานกล้วยทุกประเภท ที่ยังไม่ได้แปลงรูป แต่เพื่อนๆ ชมว่าอร่อยค่ะ

จานนี้เรียก chocolate mud cake ตัวเนื้อ cake จะทำออกมาคล้ายกับ chocolate brownie แล้วราด chocolate sauce มาด้านบนอีกที จานนี้รสยังไม่ได้โดดเด่นกว่าที่ร้านอื่นแต่ก็อร่อยใช้ได้ค่ะ และของหวานจานนี้น่าจะเข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มร้อนๆ อย่าง hot cappuccino coffee

ของหวานจานสุดท้าย Banana Fritter & Ice-Cream (Chocolate Chips) น่าจะเป็นที่ถูกใจสำหรับคนที่ชอบกล้วยหอมนะคะ ดูน่าตาน่ารับประทานแต่ก็บอกไม่ได้อีกว่ารสเป็นอย่างไร แต่น่าจะอร่อยนะคะ เห็นทานกันหมดเกลี้ยงเลย


***********************************************
Restaurant Name: Anna & Charlie's Cafe
Location: Rama III, Bangkok
Price: Average 450 THB/Person
***********************************************

Jasper ชวนชิมร้านอาหารเก่าแก่ ย่านพญาไท: ไชยโรจน์



ร้านที่จะแนะนำวันนี้เป็นร้านเก่าแก่ (cook shop style) ที่อยู่บนถนนศรีอยุธยา ซึ่งอยู่บริเวณหน้า Phyathai Place ไม่ไกลจากสี่แยกพญาไท ถ้าขึ้น BTS มาทานที่ร้านนี้ให้ลงที่สถานีพญาไท แต่ถ้าขับรถมาอาจจะหาที่จอดยากนิดนึงเพราะไม่มีที่จอดรถให้สำหรับลูกค้า แต่ถ้ามีคนขับรถมาส่งให้น่าจะสะดวกที่สุด ร้านไชยโรจน์เป็นร้านเก่าแก่เปิดมาตั้งแต่ปี 2501 เพราะฉะนั้นร้านนี้จึงมีลูกค้าเก่าแก่มากมายที่แวะเวียนกันมาทาน



ดูจากตู้เย็นที่ตั้งในร้านสามารถบอกถึงความเก่าแก่ของร้านนี้ได้อย่างดี



เมนูที่ร้านมีอยู่ 2 หน้า ซึ่งอาหารก็จะมีเครื่องปรุงหลักรวมถึงหมู ไก่ กุ้ง ปลา ปลาหมึก หอยลาย เนื้อปู ผัก เป็นต้น โดยสามารถเลือกทำอาหารได้คล้ายๆ กันตั้งแต่ ราดพริก ทอดพริกไทย ผัดเผ็ด แกง ยำ ต้มยำ เป็นต้น ราคาที่เขียนไว้ในเมนูดูเหมือนจะมีราคาเดียว แต่ตอนที่คิดเงินคิดว่าราคาน่าจะมีการปรับขึ้นไปแล้วจาก 70 THB (ทางร้านไม่ได้มีใบเสร็จให้ แค่แจ้งลูกค้าว่าราคาเท่าไร) ยังไงก็ตามคิดว่าราคาขนาดนี้ ไม่น่าจะมีขายแล้ว




วันนี้ไปทานกันแค่ 2 คนเลยสั่งอาหารกันได้ไม่กี่อย่าง เมนูที่สั่งวันนี้ส่วนใหญ่เป็นเมนูที่สั่งประจำเวลาที่มาทานที่ร้านนี้ หลักๆ ก็จะมีปลาราดพริกและปลาดุกผัดเผ็ด




เราไปถึงที่ร้านเวลาประมาณเที่ยงครึ่งซึ่งโชคดีมากๆ เลยที่มีโต๊ะว่างเหลือ 1 โต๊ะพอดีโดยที่ไม่ต้องยืนรอเพราะลูกค้าโต๊ะนี้พึ่งทานเสร็จพอดีเลย ร้านช่วงเวลาเที่ยงๆ คนจะแน่นร้านทีเดียว ซึ่งที่ร้านนี้ไม่ได้ติดแอร์เพราะฉะนั้นอาจจะไม่เหมาะมาทานหน้าร้อนเท่าไร



เนื่องจากร้านนี้ลูกค้าเยอะแต่มีพนักงานเสริฟไม่กี่คน ดังนั้นเราจึงต้องบริการตัวเองหรือถ้าอยากจะสั่งอะไรเพิ่ม ต้องกะจังหวะดีๆ ว่าพนักงานจะมองเห็นเราหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้แย่อะไรเพราะอาหารทำออกมาได้เร็วมาก ไม่ต้องรอนาน






จานแรกคือ หอยลายผัดพริกเผา ซึ่งที่ร้านนี้แกะหอยมาเรียบร้อย ทำให้ทานได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องแกะหอยเอง น้ำที่ผัดมารสเข้มข้น น่าจะเหมาะทานกับข้าวสวยมากกว่าทานเปล่าๆ










จานที่สองเป็น ผักคะน้าหมูกรอบ ก้านคะน้าอวบๆ กรอบๆ ผัดมาได้แบบกำลังดี รสชาติอร่อยแต่หมูกรอบอาจจะนิ่มเกินไป อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบ โดยส่วนตัวชอบผัดคะน้าหมูกรอบของร้านสงวนศรี ที่อยู่บนถนนวิทยุมากที่สุด เพราะหมูกรอบที่ร้านนั้นจะหั่นมาเป็นชิ้นเล็ก และยังสามารถคงความกรอบไว้ได้







จานถัดมาเรียกว่า เต้าหู้ขาวทอดราดพริก ซึ่งตัวเครื่องทำออกมาได้รสจัดจ้าน เข้มข้น ผัดมาแบบแห้งๆ ใส่กระเทียมกับพริกขี้หนูสดเม็ดใหญ่กันแบบเต็มที่ กระเทียมที่ใช้เป็นแบบกลีบเล็กซึ่งจะทำให้รสเข้มและหอมกว่ากระเทียบแบบกลีบใหญ่ เต้าหู้ขาวทอดของร้านนี้ทอดออกมาได้ดี หั่นมาเป็นชิ้นขนาดค่อนข้างใหญ่ ทานจานนี้แล้วทำให้นึกถึงหมูสับผัดกระเพรา






จานนี้คือ ปลากระพงทอดราดพริก ซึ่งปลาราดพริกของที่นี่ไม่ใช่น้ำราดพริกแบบร้านอื่น ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเรียกว่าปลาราดพริกขี้หนูผัดกระทียมมากกว่า? ร้านนี้ทอดปลาได้แบบกรอบนอกนุ่มใน โดยร้านนี้เค้าจะไม่ใช้ปลาทั้งตัวมาทำ ซึ่งทำให้สามารถขายอาหารประเภทปลาทะเลได้ในราคาที่ไม่แพง เครื่องราดพริกจะทำออกมาคล้ายๆ กับเครื่องที่ใช้ราดเต้าหู้ จะแตกต่างกันตรงไม่ใส่หมูสับ จานนี้รสเด็ดมากๆ ค่ะ






จานสุดท้ายของวันนี้เป็นจานที่เราชอบมากที่สุดของร้านนี้ จานนี้เรียกว่า ปลาดุกผัดเผ็ด ปลาดุกทอดออกมาได้เก่งมาก กรอบแบบที่ทานได้ทั้งตัว เครื่องแกงรสจัด เข้มข้นมากๆ จานนี้น่าจะต้องทานกับข้าวสวยเพราะอาจจะเผ็ดเกินไปถ้าทานเปล่าๆ







หลังจากที่ทานอาหารรสจัดๆ ไปแล้ว แนะนำให้สั่ง ice cream มาทานเป็นของหวาน ซึ่งทำให้หายเผ็ดได้เหมือนกันค่ะ ice cream ของร้านนี้มีข้าวโพดแกะโรยมาเป็น topping รสหอม หวาน มัน อร่อยดีค่ะ







ถ้าใครสนใจอยากมาทานร้านนี้แนะนำให้มาประมาณบ่ายโมงเป็นต้นไป น่าจะดีกว่าค่ะ











========================================
Restaurant Name: Chairoj
Location: Phyathai, Bangkok
Price: 70-100 THB/Dish
========================================