Heiroku ที่ Central World เป็นร้าน sushi จานเวียน (Conveyor Belt Sushi or Kaiten Sushi) ที่เป็นสาขามาจากประเทศญี่ปุ่น
จากที่ดูจำนวนสาขาทั้งหมดจะเห็นว่ามีแค่ 2 สาขาที่เป็นสาขาในต่างประเทศ ซึ่งก็คือที่ Central World และ Center Point Siam Square
สำหรับรายการอาหารก็จะมีให้เลือกตั้งแต่ราคา 29 บาทจนถึงราคา 199 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุดิบที่ใช้ โดยลูกค้าสามารถเลือกหยิบจากสายพานได้เลย หรือจะเลือกสั่งจากเมนูก็ได้ถ้าอยากให้ chef ปรุงกันใหม่ๆ
จากที่เราตั้งใจกันไว้ตอนแรกคือจะลองทานจากเมนูราคาถูกไปหาเมนูราคาแพง แต่ปรากฎว่าวันนี้ซาบะดองหมด เลยไม่ได้ลองสั่ง ซึ่งถ้าร้านไหนที่สามารถทำเมนูนี้ได้อร่อยก็น่าจะสามารถบอกได้ถึงฝีมือของ chef ที่ร้านนี้ได้ คราวนี้ก็เลยลองสั่งแบบปนๆ กันไปจากของที่ชอบกับที่ไม่เคยทานที่ร้านอื่น
มีหลายเมนูที่ดูน่าสนใจถ้าเทียบร้านนี้กับร้าน sushi จานเวียนร้านอื่นๆ ในเมืองไทย เช่น ข้าวหน้าปลาไหล หรือ grilled cheese avocado เป็นต้น
เมนูในกลุ่มราคาจานละ 199 บาทก็ดูน่าสนใจ แต่อาจจะแพงไปสำหรับร้าน sushi จานเวียน ซึ่งราคานี้คงจะไม่แปลกถ้าอยู่ในร้านที่ขาย sushi ในระดับที่สูงขึ้นมาหน่อย ที่จะใช้แต่เนื้อปลาเกรด premium และนำเข้าโดยตรงจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลถึงคุณภาพและความสดของเนื้อปลา แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ลองสั่งเมนูในกลุ่มนี้ เลยยังบอกไม่ได้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร
เครื่องดื่มชาเขียวเย็น ไม่มีความหอมของชาเขียว รสออกธรรมดาไปแต่คาดว่าร้านนี้เค้าคงไม่เน้นว่าต้องใช้ชาคุณภาพดีมาทำ แต่ข้อดีคือเครื่องดื่มสามารถเติมได้ฟรี ไม่คิดเงินเพิ่ม
เมนูนี้เป็นครั้งแรกที่ลองทาน Foie Gras Sushi ซึ่งข้าว sushi เข้ากันได้ดีกับ Foie Gras ที่ย่างมาหอมๆ sauce ที่ทามาด้านบนก็เข้ากันได้อย่างลงตัว อร่อยมากค่ะ
สำหรับจานนี้เป็นข้าวปั้นหน้าปลาไหลน้ำจืดที่ทำมาเป็น roll แบ่งเป็น 3 คำ (ใหญ่ๆ) ปลาไหลย่างออกมาได้รสดี กลิ่นหอม เนื้อนุ่ม จานนี้ราคาเพียง 79 THB ถือว่าคุ้มค่ากับราคา
ถัดมาเป็นหน้ากุ้งหวาน (ราคา 59 THB) ซึ่งเนื้อกุ้งรสหวาน และไม่คาว ส่วนปริมาณข้าวปั้นของร้านนี้ต้องขอชมว่าปั้นออกมาได้ size กำลังดี ไม่ใหญ่เกินไปและทำออกมารสชาติดี
ต่อมาเราลองทานเป็นเมนูหน้าปลาดิบ หลังจากที่เมนูข้างบนถือว่าสอบผ่านหมด หนึ่งในเนื้อปลาดิบที่เราชอบก็จะมี Hamaji หรือ Yellow Tail ซึ่งเนื้อปลาของร้านนี้สดใช้ได้
จานนี้เป็น sushi หน้า fresh salmon ซึ่งรสไม่คาว ราคาเพียงจานละ 39 THB เท่านั้น
จานต่อมาคือ sushi หน้า fatty salmon ซึ่งจะใช้เนื้อส่วนท้องของปลา salmon มาทำ รสจะออกมันกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ จานนี้ราคา 59 THB
น่าเสียดายที่ร้านนี้ไม่มี otoro sushi เราเลยต้องสั่งเป็น maguro มาทานแทน อย่างที่รู้กันว่า otoro จะเป็นส่วนที่ดีที่สุดสำหรับปลา tuna และแน่นอนว่าแพงที่สุดด้วย maguro ของร้านนี้สด อร่อยไช้ได้ค่ะ จานนี้ราคา 59 THB
จริงๆ แล้วอยากลอง uni sushi แต่น้องที่มาทานด้วยกันบอกว่า เคยลองแล้วแต่ไม่ประทับใจ ซึ่งปกติถ้าวัตถุดิบที่ใช้ไม่สดจริงๆ รสชาดจะออกคาวมากและไม่อร่อย แต่ถ้าใช้ sea urchin ที่คุณภาพดีและสด จานนี้จะอร่อยมากๆ ดังนั้นเราเลยไม่อยากเสี่ยงที่จะสั่งจานนี้ เราลองเปลี่ยนไปเป็น ikura แทน ซึ่งรสชาดไม่คาวและสดอร่อย จานนี้ราคา 119 THB มี 2 ชิ้น/1 จาน
คราวนี้มาลองทานเมนูอื่นๆ ดูบ้าง เช่น negitoro ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบทานปลา maguro จานนี้เป็นจานโปรดของเราที่มักจะต้องสั่งทุกครั้งที่ไปร้าน sushi จานนี้รสชาดดี ใส่ negi มาให้แบบไม่ขี้เหนียว ราคาเบาๆ เพียง 59 THB
จานนี้เป็น sushi หน้าปลา kajiki maguro หรือ swordfish ซึ่งเราไม่ได้ลองทาน แต่เห็นเพื่อนที่ไปด้วยกัน บอกว่ารสเฉยๆ เมื่อเทียบกับ maguro อันนี้ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคนนะคะ ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว
ต่อมาเป็นจานที่เรียกว่า Grilled Salmon โดย chef จะนำเนื้อปลา salmon สดไปย่างไฟเล็กน้อย พอสุก แล้วหั่นหอมใหญ่ไว้ด้านบนพร้อมกับ mayo ที่เหมือนจะปรุงรสมาเล็กน้อย และมีต้นหอมซอยนิดหน่อยโรยอีกชั้น จานนี้เราชอบมาก อร่อยดีค่ะ แต่อาจจะต้องทานชาเขียว (ร้อน) ตามเพื่อตัดความเลี่ยน
หลังจากนั้น เราอยากทาน sushi ที่เป็นหน้าของทอดอะไรก็ได้ เลยไปสะดุดตากับ shishamo ซึ่งหั่นออกมาได้ดูน่าทาน จานนี้ต้องทานตอนที่ร้อนๆ ยังมีควันขึ้น ถึงจะอร่อยค่ะ ไม่แนะนำให้หยิบมาจากสายพานสำหรับพวกของทอด ยกเว้นว่า chef พึ่งจะทำเสร็จใหม่ๆ
จากนั้นเราก็นั่งรอ tamakoyaki เพราะเป็นจานโปรดของน้องที่ไปทานด้วยกัน ซึ่งหันไปบอกกับ chef ว่าถ้าไม่ได้ทาน ก็จะนั่งรอไปเรื่อยๆ จนกว่า chef จะทำเสร็จ เราก็เลยได้ลองทาน tamakoyaki แบบทำเสร็จใหม่ ซึ่งจานนี้ทำออกมาได้รสดี อร่อยเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ในเมืองไทยด้วยกัน รสของไข่ทำออกมาได้ไม่หวานเกินไป
จานนี้เป็นอีกจานที่ไม่ได้ลองทาน เพราะกินไม่ไหวแล้ว เห็นน้องที่ไปทานด้วยกันบอกว่า อร่อยค่ะ โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยนิยมทาน inarizushi เท่าไร ยกเว้นว่าจะเป็นร้านชื่อดังจริงๆ ในญี่ปุ่นประเภทที่ถ้าไม่ลองแล้วจะเสียใจ
ส่วนของหวานที่ร้านนี้ เราลองสั่งมา 2 แบบ แล้วมาแบ่งๆ กัน จานนี้จะเป็น strawberry mochi ใส่มา 1 ก้อนพร้อมกับ fresh cream และ topping หวานๆ ราดมาด้านบน fresh cream เข้ากันได้ดีมากกับ mochi เนื้อนุ่มๆ
เช่นเดียวกับขนม dango ที่เสียบไม้มา 3 ลูก 3 รส มีรสชาเขียว รส strawberry และ รส chestnut เสริฟมาพร้อมกับ fresh cream และ topping แบบเดียวกันกับ mochi อร่อยทั้งคู่ค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทาน fresh cream และขนมญี่ปุ่นแบบเหนียวๆ หวานๆ
No comments:
Post a Comment